พื้นฐาน หลักการตลาด การตลาดออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภค Customer Behavior การตัดสินใจซื้อ กระบวนการตัดสินใจซื้อ พฤติกรรมลูกค้า การซื้อของออนไลน์ การซื้อขาย การตลาด ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ที่นี่ พร้อมตัวอย่างประกอบจากธุรกิจจริง

ถ้าคุณมีเงินทุนน้อย แต่อยากมีรายได้จากการขายของออนไลน์

คลิปนี้อาจ “ทำลายความเชื่อเดิมๆ” ที่คุณมี….

หรือทำให้คุณ ได้วิธีการ ไอเดีย หรือมุมมองใหม่ๆ กลับไป

ใครขายของ แต่กลัวการขาย ยกมือขึ้น
เงินก็อยากได้ แต่ก็กลัวเรื่องการขาย
ทำยังไงดี
คลิปนี้ มีคำตอบคร่าาาาา
ดูจบแล้ว อย่าลืมเอาไปทำด้วยนะคะ
ไม่ใช่แค่ลองนะ เอาไปทำจริงๆ เลย

บริการอย่างดี เอะ ทำไม ฉันพลาดตรงไหน

มือใหม่เพิ่งเริ่มขาย แต่ไม่อยากพลาด ดูด่วน

ขอบคุณเพลงประกอบ: WONDERFRAME อยู่ดีๆก็… (Feat. YOUNGOHM)

เด็กและครอบครัว มีส่วนกับการตัดสินใจซื้อยังไง ต้องสนใจอะไรบ้าง รู้แล้วจะเอาไปใช้ประโยชน์ยังไง….ที่นี่มีคำตอบ

ว่ากันว่า มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้
ต้องอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็เลยทำให้จำเป็น
ต้องพยายามปรับตัวเองให้กับเข้ากลุ่ม หรือไม่ก็
หากลุ่มใหม่ที่สอดคล้องกับตัวเอง
ดังนั้นก็จะเลยจะมีการปรับตัว
ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมภายนอกตร๊อดๆๆๆ
…………………………………………………………………………….

มันก็เลยเป็นหลักที่มาที่ไปว่า
ทำไมสภาพแวดล้อมภายนอก
ถึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อของคนเรา
พอๆ กันกับสิ่งที่อยู่ในตัวเรา
หรือสภาพแวดล้อมภายในตัวบุคคล
ที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อเช่นกัน
…………………………………………………………………………….

และสภาพแวดล้อมภายนอกที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด
ก็คือ “ครอบครัว” บางคนอาจจะหมายถึงแฟน
ลูก พ่อ แม่ พี่น้อง ลุง ป้า น้า อา
ก็สุดแต่ว่าจะเป็นครอบครัวเล็กหรือครอบครัวใหญ่
…………………………………………………………………………….

ทำไมต้องรู้ด้วยล่ะ ว่าคนในครอบครัวมีผลต่อการซื้อของยังไง ?
หรือว่า เวลาจะหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายต้องควรรู้ด้วยเหรอ
ว่าเขากำลังอยู่ในครอบครัวช่วงไหน
เช่น เพิ่งแต่งงาน มีลูกแล้ว ครอบครัววัยเกษียณ
และต้องรู้อะไรบ้าง ?
…………………………………………………………………………….

เราควรรู้บทบาทของแต่ละคนในครอบครัว
เพราะบทบาทต่างกันก็มีผลต่อการซื้อต่างกัน
ซึ่งจะทำให้เรารู้ว่าเราควรสื่อสารหรือออกแบบเนื้อหาแบบไหนดี
และสื่อสารไปยังใคร เพื่อจูงใจให้เขาเกิดการซื้อ
…………………………………………………………………………….

ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจะขายสินค้าสำหรับเด็กแรกเกิด
หรือต่ำกว่า 2 ขวบ เนื้อหาที่สื่อสารออกไป
ควรส่งเพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่
หรือคนในครอบครัวเป็นคนที่จะเกิดการกระตุ้น
หรือไปสะกิดต่อมคนเหล่านั้น
อย่าง นมผง ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ชากระตุ้นน้ำมม (ลูกกิน แต่แม่ต้องใช้)
…………………………………………………………………………….

แต่ถ้าคุณขายขนม ของเล่นเด็ก อายุ 4-5 ขวบ
คนที่มีอิทธิพลในการซื้อ (ลูกๆ) สามารถสื่อสารได้ เข้าใจภาษาได้
คุณก็อาจจะใช้ตัวการ์ตูน เลือกรูปแบบการสื่อสาร
เลือกช่องทางการสื่อสารที่ส่งไปหาเด็กๆ เหล่านั้น
เพื่อให้เขาไปบอกกับคุณพ่อ คุณแม่ (ซึ่งเป็นคนจ่ายเงิน คนซื้อ)
ก็เท่ากับว่าเพิ่มแรงจูงใจไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อีกวิธีหนึ่ง
ตัวอย่างที่เห็นกันบ่อยๆ เช่น การรีวิวของเล่นผ่านช่องยูทูป
เด็กๆ หลายคนได้ดู ก็จะไปบอกคุณพ่อ คุณแม่ว่าอยากได้
(ดูคลิปน้องฟีลิกซ์เพิ่มเติมได้นะคะ https://bit.ly/2R6STpZ )
…………………………………………………………………………….

วัฏจักรครอบครัว วงจรครอบครัว
หรือ คำศัพท์ที่เป็นวิชาการหน่อยๆ ก็คือ Family Life Cycle
สิ่งที่เราควรสนใจ คือ
แต่ละช่วงวัฎจักรของครอบครัว ก็จะมีความต้องการต่างกัน
มีความสนใจในสินค้าแตกต่างกัน
มีเงิน (อำนาจในการซื้อ)
มีคนที่เกี่ยวข้องในการซื้อต่างกัน
เช่น ครอบครัวที่เพิ่งแต่งงาน (แยกตัวออกมาจากครอบครัวเดิม)
ครอบครัวที่มีลูกเล็ก
ครอบครัวที่มีคนสูงอายุ
…………………………………………………………………………….

สิ่งที่เราจะสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน
ที่มีเฟชบุคในการแบ่งแยกกลุ่มคนเรานี้ คือ
เราจะใช้เป็นตัวแบ่งกลุ่มเป้าหมาย หรือ
เอาไปเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย และตรงมากขึ้น
เช่น รถสำหรับครอบครัว
กลุ่มคนที่สนใจก็มักจะเป็นครอบครัวที่มีลูกเล็ก
กลุ่มยา เก้าอี้ช่วงพยุง แผ่นกันลื่น รถเข็น
มักจะเป็นสินค้าที่ครอบครัวที่มีคนสูงอายุ
ต้องการมากกว่าครอบครัวที่อยู่ในช่วงอื่นๆ
หรือครอบครัวที่ลูกเรียนจบ มีงานทำ
พ่อแม่มักจะมีเงินซื้อจ่ายมากขึ้น
เพราะช่วงนั้น พ่อแม่ไม่มีภาระมากนัก
และมักจะมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น
พ่อแม่ก็อาจจะมีเวลาหรือสนใจเรื่องท่องเที่ยวมากขึ้น เป็นต้น
…………………………………………………………………………….

สินค้าบางอย่างหรือบางแบรนด์
มักจะใช้เรื่องความผูกพันของครอบครัว
เพื่อเชื่อมโยงกับสินค้าหรือบริการของตัวเอง
หรือใช้เรื่องความห่วงใยของคนในครอบครัว
มาเป็นตัวกระตุ้นให้ตัดสินใจซื้อ
หรือนึกถึงแบรนด์มากขึ้น เช่น ประกันชีวิต ครอบครัวฮอนด้า โตโยต้า
อย่างเราๆ ก็ทำได้เหมือนกันค่ะ
…………………………………………………………………………….

นี่แค่ส่วนหนึ่งของสิ่งแวดล้อมภายนอก
ที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อเท่านั้น
ยังมีเป็นส่วนอื่นๆ อีก เช่น
กลุ่มบล็อกเกอร์ เน็ตไอดอล หมอ ช่างแต่งหน้า
ที่เรียกกันว่า กลุ่มอ้างอิง กลุ่มคนที่มีอิทธิพล วัฒนธรรม ชนชั้นทางสังคม
และอื่นๆ อีก แล้วจะเอามาเล่าให้ฟังอีกนะคะ

Read more

มีสาวงามมากมายบนเวทีนี้
แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวที่ได้คว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์ส 2019
#ใครจะเป็นสาวงามคนนั้น
Miss Universe 2019: MISS SOUTH AFRICA
ยินดีด้วยนะคะ
…………………………………………………………….

สาวงามบนเวทีก็เปรียบเสมือนกับ
สินค้าและบริการดี ๆ ที่มีอยู่มากมาย
แต่….
ลูกค้าจะซื้อจากใคร
ลูกค้าจะเลือกชิ้นไหน
นั้นเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ที่พวกเราคนขายหรือเจ้าของร้าน
พยายามทำความเข้าใจ
…………………………………………………………….

ลูกค้าก็เหมือนกับคณะกรรมการตัดสิน
ลูกค้าก็จะมีเกณฑ์ตัดสินใจบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจ
…………………………………………………………….

บางคนใช้เกณฑ์ความสะดวกสบาย
รวดเร็วทันใจเพราะฉันต้องใช้งานแล้ว
จะแพงกว่า ไม่ส่งฟรี ฉันก็ยินดีจ่าย
ว่าแต่คุณเอามาให้ฉันตอนนี้เลยได้มั๊ยล่ะ?
…………………………………………………………….

บางคนเลือกที่ราคา
ยี่ห้อไม่ต้องดีมากก็ได้แต่เอาคุ้มค่าเข้าไว้
มันก็ซักผ้า ล้างจาน ได้เหมือนกันแล้วนะ
ว่าแล้วก็ซื้อแบรนด์ของ TESCO ไปเลย
ซื้อ อาเจ บิ๊กโคล่า เพราะว่ามันใหญ่ดี
…………………………………………………………….

หลายคนใช้ประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
ใช้อันนี้มันก็ยังดี ร้านก็บริการไม่เลว
ถ้าจะซื้อใหม่ก็ไปร้านเดิมนี่แหละ
…………………………………………………………….

แต่ถ้าหากคุณจะซื้อร่มสักคัน
คุณคงไม่เสียเวลาเปรียบเทียบเป็นวันๆ
นั่งคำนวณดอกเบี้ยหรือวิเคราะห์ทำเล
ไม่ต้องดูว่าผ่อนกี่ปีจะคุ้มขายแล้วจะได้กำไรหรือเปล่า
เพราะมันไม่ใช่บ้านและคอนโด
ที่คุณจะต้องใช้เงินจำนวนมาก
ประเภทของสินค้าก็มีส่วนต่อกระบวนการตัดสินใจ
…………………………………………………………….

นี่แค่เป็นเพียงบางเกณฑ์เท่านั่นที่เราพบเจอบ่อยๆ

หลายสำนักบอกว่าคนตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล
…………………………………………………………….

แม้จะมีของดีมากมายในท้องตลาด
และของเรานั้นอาจจะสวยไม่ได้แตกต่างกันมากนัก
แต่ ณ เวลานั้น
ใครคือคนที่บิ้วอารมณ์ได้ดีที่สุด
ใครคือคนที่มาได้ถูกจังหวะที่สุด
ใครคือคนที่ทำได้ดีที่สุด
จนได้รับมงกุฎนั้นไป
…………………………………………………………….

หากคุณพลาดมิสยูนิเวอร์สในครั้งนี้
ขอให้คุณโปรดเข้าใจ
ไม่ใช่ของของคุณไม่ดี
ไม่ใช่คุณไม่มีความสามารถ
เพียงแต่คนซื้อเค้ามีเกณฑ์ยู่ในใจ
และมีคนที่ทำหน้าที่ได้ดีและไวกับคุณ
…………………………………………………………….

หน้าที่ต่อไปของคุณก็คือ
ลองดูว่าครั้งนี้เราพลาดตรงไหน
(ถ้าเรารู้หรือพอมีข้อมูลมาวิเคราะห์ได้
ซึ่งส่วนใหญ่จะได้จากการคุย)
เพราะผู้ประกวดหลายคน
ตอนซ้อมอาจทำได้ดีกว่าวันนี้
(โดยเฉพาะมือใหม่ อาจจะตื่นเต้นเวลาเจอลูกค้า เกิดอาการลน หรือข้อมูลยังไม่แน่พอ)
…………………………………………………………….

หรือแม้แต่ว่า ณ วันนี้ ฉันทำดีที่สุดแล้ว
แต่ฉันต้องทำยังไงถึงจะดีขึ้น
มันต้องมีสักวันที่ #มงกุฎจะเป็นของเรา
…………………………………………………………….

#เป็นกำลังใจให้ทุกคน
#ทำดีแล้วค่ะ
#มาริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#MissUniverse2019

ทำยังไงยอดขายก็ไม่โตขึ้นซะที?
คำถามที่คาใจใครหลายคน …

ในทางการตลาดทฤษฎีกระบวนการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
มีทั้งหมด 5 ขั้นตอน
แต่มาริประยุกต์หลัก 3 ข้อ
เพื่อเป็นวิธีการและไอเดียเพิ่มยอดขาย
ที่กลั่นกรองและดัดแปลงออกมาให้เข้าใจง่าย
เอาแบบตัวย่อ จำง่ายๆ ด้วย คือ ค.ส.ช. 5555
……………………………………………………………

ไปรู้จัก ค.ส.ช. กันค่ะ
……………………………………………………………

ค. = ความคาดหวัง
คุณเคยรู้สึกผิดหวังกับเรื่องอะไรก็ตามในชีวิตมาก่อนมั๊ยคะ
เชื่อว่า 100% ของคนที่อ่านบทความนี้
ล้วนแล้วแต่เคยผ่านความผิดหวังมาแล้วทั้งสิ้น
#ลูกค้าก็เช่นกัน
ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณทำให้เขาผิดหวัง
ก็ยากที่เขาจะกลับมาซื้อสินค้าหรือมาใช้บริการร้านคุณอีก
ถ้าคุณไม่มีอะไรจูงใจมากพอที่เขาจะให้อภัยคุณ!!
โหดแต่จริง
……………………………………………………………

พูดง่ายๆ ก็คือ ก่อนที่ใครก็ตามจะตัดสินใจซื้อสินค้าของเรา
เขาเหล่านี้มักจะจินตนาการไปแล้วว่า สิ่งที่ตัวเองจะได้รับหลังจากควักเงินออกจากกระเป๋าไปแล้วจะเป็นยังไง ถ้าสิ่งที่เขาเหล่านั้นได้รับจริงๆ มากกว่าสิ่งที่เขาคาดหวังหรือตั้งความหวังไว้ในใจมากเท่าไร หรือพูดง่ายๆว่า ยิ่งได้รับเกินคาดมากเท่าไร เขาก็จะยิ่งพอใจ มีความสุข กับการซื้อในครั้งนั้นมากขึ้นเท่านั้น โอกาสบอกต่อ กลับมาซื้อซ้ำก็จะสูงตามไปด้วย แต่ในทางตรงกันข้ามถ้าเขาผิดหวัง เขาก็คงไม่ซื้ออีก บางทีซ้ำร้ายอาจจะกระจายข่าวแย่ๆ ทำให้คนที่กำลังจะมาเป็นลูกค้าหนีหายไปอีก
……………………………………………………………
เมเม่ หญิงไทยหัวใจเกาหลี ดูซีรี่ย์ทีไรนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกทุกที วันดีคืนดี นางเอกในเรื่องตัดผมบ๊อบปะบ่า ปลายผมมีวอลลุ่ม ดูแล้วลดอายุ เป็นสาวน้อยไปได้อีกหลายปี เมเม่ก็คาดหวังว่า ร้านป้าอ้อยหน้าปากซอยที่บ้านจะช่วยทำให้หน้าไทยบ้านของเธอ กลายเป็นนางเอกเกาหลีขึ้นมาถ้าเธอตัดผมทรงเดียวกัน ว่าแล้วก็เปิดรูปให้ช่างผมดู ผ่านไปสองชั่วโมง จากนางเอกเกาหลี กลายเป็นเกาเหลา ช่างผมร้านป้าอ้อยทำให้เมเม่ผิดหวัง เพราะทรงผมที่ได้คือ ผมบ๊อบสั้นแบบเดียวกับเด็ก ม. ปลาย คุณลองจินตนาการว่าคุณเป็นเมเม่ดูก็ได้ คุณคิดว่าคุณยังจะไปตัดผมร้านป้าอ้อยอยู่อีกมั๊ย สำหรับโลกออนไลน์ รูปภาพหรือวีดีโอคือกว่า 90% ทำให้คนที่จะซื้อจินตนาการและคาดหวังกับสินค้านั้นๆไปแล้ว ภาพสวยช่วยได้ แต่สินค้าและบริการของจริงก็ไม่ควรทำให้ลูกค้าผิดหวังด้วยนะ
……………………………………………………………

ส.= สื่อสาร
จะขายของให้ใคร ต้องเข้าใจเขา เข้าใจเรา
เลือกสื่อให้เหมาะกับคนที่จะซื้อ เหมาะกับเงิน
เราควรส่งสารให้ดึงดูด
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นยอดขายและกระตุ้นการตัดสินใจ
คือการสื่อสารให้เกิดอารมณ์
เกิดจินตนาการ
บางคนคิดไปว่าต้องเสียเงินแพงๆ เป็นความเข้าใจผิดนะคะ
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยทำให้เกิดความรู้สึกได้ดี
นอกจากวีดีโอ ภาพ และ เพลงประกอบแล้ว
นั่นคือ ฟอนต์หรือรูปแบบตัวอักษร
……………………………………………………………

ถ้าคุณขายอาหาร ภาพในเมนูนอกจากจะต้องสวยหรือยั่วน้ำลายแล้ว ตัวหนังสือที่อยู่บนภาพหรือในเมนูอาหาร ก็ไม่ควรเป็นฟอนต์เดียวกับวันฮาโลวีนหรือแบบเดียวกับหนังเรื่องบ้านผีปอบ เพราะมันจะชวนขนหัวลุกมากว่าชวนให้เกิดการตัดสินใจซื้อ นอกจากนี้การนำเสนอในรายละเอียดก็ช่วยกระตุ้นอารมณ์ได้มาก เช่น ใช้รูปอาหารแบบซูมมุมใดมุมหนึ่ง ความยืดของชีส การซูมไปยังรายละเอียดความแข็งแรงของสายกระเป๋า หรือแม้แต่การซูมไปที่ข้อมือที่ใส่นาฬิกา เพราะลูกค้าก็จะจินตนาการได้ถึงความสวยงาม หรือความดูดี เมื่อนาฬิกาเรือนนั่นมาอยู่บนข้อมือของตนหรือของคนที่รัก
……………………………………………………………

ช. = เชื่อมสัมพันธ์
มันคือการสร้างความสัมพันธ์
ค่อยๆขยับจากคนไม่รู้จัก
การเป็นคนเคยเห็น
กลายเป็นคนคุ้นหน้า เอะหน้าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน
กลายมาเป็นคนที่น่าสนใจ
กลายมาเป็นแฟน
และกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันในที่สุด
บางที่เรียกว่า สาวก
……………………………………………………………

รูปแบบการสร้างความสัมพันธ์นั้นมีเยอะ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ คุณมีการเก็บฐานข้อมูล หรือนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้บ้างรึเปล่า ประโยชน์มหาศาลของการตลาดและการขายในยุคนี้ คือคุณสามารถใช้เครื่องมือดีๆ จากการเก็บฐานข้อมูลลูกค้าโดยไม่ต้องลงทุนระบบแพงๆอย่างยุคก่อนๆ ข้อมูลสำคัญที่คุณควรขอและนำมาใช้ประโยชน์เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้า นอกจากเบอร์โทรแล้ว หากคุณขอ E-mail และวันเกิดลูกค้าได้ คุณจะต่อยอดได้อีกเยอะ บางคนอาจจะไม่รู้ว่า เราสามารถเอาเบอร์โทร E-mail มาสร้างกลุ่มเป้าหมายในเฟสบุค เพื่อยิงโฆษณาไปหาเขาเหล่านั้น ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังกลุ่มคนที่มีความคล้ายคลึงกัน (look a like) นอกจากนี้ใน LINE @ หรือ ในชื่อใหม่คือ LINE OA ก็ยังมีโปรแกรมสะสมแต้ม แจกคูปอง โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องทำเป็นกระดาษให้ลูกค้าลืมถือมาที่ร้านเมื่อต้องการใช้ แต่ใช้การสะสมแต้มผ่าน LINE OA แทน ที่สำคัญใช้ฟรีได้ด้วย จนคุณมีลูกค้ามากพอค่อยจ่ายเงินซื้อแพคเกจที่แพงขึ้นก็ค่อยซื้อเพิ่มภายหลังได้ ง่ายมาก การสะสมแต้มเป็นอีกหนึ่งอย่างในการสร้างความสัมพันธ์ที่ทำให้เขากลับมาหาเราอีก ยิ่งแต้มใกล้ครบ ของรางวัลหรือสิ่งที่จะได้รับหลังจากสะสมครบล่อความอยากได้มากเท่าไร โอกาสที่จะซื้อเพื่อให้ได้แต้มและแลกของรางวัลนั้นมาก็ยิ่งจะมากขึ้น ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณทำได้เพื่อให้เขากลับมาซื้อซ้ำหรือเพิ่มโอกาสสร้างยอดขาย จำไว้เลยว่า ต้นทุนในการเชื่อมสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าให้เขาซื้อซ้ำ ซื้อเพิ่ม นั้นถูกกว่าต้นทุนในการหาลูกค้าใหม่
……………………………………………………………

ไม่อยากจะบอกเลยว่า…
เรื่องแต้ม เรื่องคะแนนเนี่ย
มันเป็นอะไรที่สาวๆ มักจะหลงไหลเสมอๆ
เอาน่าซื้อเพิ่มอีกนิดได้แต้มเพิ่มนะ หรือไม่ก็…
มีแต้มอยู่แล้ว รีบไปแลกดีกว่า
แม้จะต้องเพิ่มเงินในการใช้แต้มครั้งนั้นก็ตาม
……………………………………………………………

คุณจะเริ่มมองเห็นปัญหา หรือ ตอบโจทย์อะไรบางอย่าง

บ่อยครั้งที่มาริได้ยินคำถามจากคนรู้จัก
ในทำนองคล้ายๆ กัน
ฮึย ขายอะไรดีอ่ะ
มีเงินเท่านี้ซื้ออะไรมาขายดี
เปิดเพจขายอะไรดี
……………………………………………………………..

จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดนะคะ
เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่เราเริ่มหาไอเดียอะไรซักอย่าง
แต่…มันจะดียิ่งขึ้น
ถ้าเราเปลี่ยนคำถามให้มีคุณภาพมากขึ้น
เพราะเราจะได้มองอะไรที่กว้างหรือใหญ่ขึ้น
……………………………………………………………..

เปลี่ยนจากขายอะไรดี เป็น “ทำธุรกิจอะไรดี”
เช่น จากจะมองว่า ขายเสื้อผ้า
ลองเปลี่ยนมุมมองเป็นธุรกิจแฟชั่น
และเมื่อนั้น เราจะมองเห็นโอกาสของตลาดมากขึ้น
กลุ่มคนที่เราจะช่วยแก้ปัญหา
หรือตอบสนองความต้องการได้มากขึ้น
……………………………………………………………..

จากตัวอย่างข้างบน ถ้าเราจำกัดตัวเองว่า…
ฉันขายเสื้อผ้า เป็นไปได้อย่างสูงว่า
เราก็จะมองเห็นแต่..
เอาเสื้อผ้าอะไรมาขาย
แต่ถ้าเรามองว่าเป็นธุรกิจแฟชั่น
สินค้าที่เราจะขายนั้นจะกว้างขึ้น
เช่น เราอาจจะขายเครื่องประดับ กระเป๋า accessories
ขายไอเดียคนแต่งตัว อีกหลายสิ่งที่เกี่ยวข้อง
คุณจะเห็นสินค้าและบริการอีกมาย
ที่พร้อมจะแตกหน่อ ออกงอ หรือขยาย
ถ้าตัวหนึ่งตายไป หรือ หมดความนิยมลงไป

ซึ่งไม่ได้หมายถึงว่าคุณต้องทำทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้น
คุณค่อยขยายมันภายหลังได้
แต่อย่างน้อยคุณเห็นภาพใหญ่ หรือ ไม่จำกัดตัวเอง
แคบจนเกินไป
มาริหมายถึงว่า… คุณอาจจะเริ่มเพียงตัวเดียว
แล้วทำให้มันติดตลาด แล้วค่อยขยายภายหลังก็ได้ค่ะ
……………………………………………………………..

ยกเว้น ว่า ณ ตอนนี้ คุณเป็น Top10หรือ Top5 ของวงการ
คุณค่อยอยากแคบ อยากลึก เท่าไร ก็ว่ากัน…
……………………………………………………………..

ถ้าคุณมองตัวเองว่าคุณ “ขายของ”
ลูกค้าคุณจะแคบ
ถ้าคุณมองตัวเอง คือ “ธุรกิจ”
ลูกค้าคุณจะ “กว้างขึ้น”
……………………………………………………………..

และเป็นไปได้อีกว่า….
ถ้าคุณมองตัวเอง คือ ธุรกิจ
คุณจะเริ่มมองเห็นช่องทางการแก้ปัญหา
หรือเห็นโอกาสมากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณมองตัวเองว่า ฉันขายก๋วยเตี๋ยว
คุณก็จะมองหาแต่ลูกค้าที่จะกินก๋วยเตี๋ยว
หรือบางคนมองแคบกว่านั้นอีก
คือ มากินที่ร้าน(หรือไม่ก็มาซื้อกลับไปกินที่บ้าน)

แต่ถ้าคุณมองว่า มันคือ ธุรกิจอาหาร
(เพียงแค่สินค้าเด่นของคุณตอนนี้คือ ก๋วยเตี๋ยว)
คุณจะเริ่มมองเห็นปัญหา หรือ
ตอบโจทย์อะไรบางอย่าง
อาหาร ช่วยอะไรคนได้บ้าง
เช่น ช่วยให้อิ่ม ช่วยให้ประทังความหิว ช่วยให้ได้บุญ
ช่วยให้เป็นของฝาก
ช่วยให้เกิดความประทับใจหรือความทรงจำ
ช่วยให้ไม่เจ็บป่วยง่าย…..

เป็นไปได้ว่า…
คุณอาจจะได้ก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ซ้ำใคร
จนเป็นเอกลักษณ์ เพื่อดึงคนเข้าร้านก็ได้
คุณอาจจะได้ช่องทางขายร่วมกับแกร็บหรือฟูดแฟนด้า
เพราะว่าช่วยแก้ปัญหาเรื่องความหิว เรื่องอิ่มท้อง
ไม่ได้มองว่าต้องแค่ขายหน้าร้าน
คุณอาจจะได้ลูกค้ากลุ่ม อยากทำบุญ ทำโรงทาน ถวายเพลพระ เพิ่มเติม…เป็นต้น
#คุณเลือกสนามลงแข่งได้
……………………………………………………………..

ถ้าคุณมองตัวเองว่าคุณ “ขายของ”
ลูกค้าคุณจะแคบ
ถ้าคุณมองตัวเอง คือ “ธุรกิจ”
ลูกค้าคุณจะ “กว้างขึ้น”
……………………………………………………………..

หวังว่า…บทความนี้
น่าจะพอจุดประกายไอเดีย
หรือทำให้หลายๆ คนได้เห็นลูกค้าของตัวเอง
ช่องทางการขาย หรืออะไรๆ เพิ่มเติมขึ้นมาบ้างนะคะ

ถ้าคิดว่ามีประโยชน์โปรดแชร์
ถ้าชอบกด “ใช่”
ถ้าไลค์กด “แชร์”
แฮร่!!!

#มาริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#การตลาด
#ลูกค้า
#ผู้บริโภค
#กลุ่มเป้าหมาย

ถ้าคุณหาเจอ....ผู้คนจะยินดีจ่ายตามมูลค่าที่คุณมอบให้
ถ้าคุณหาเจอ….ผู้คนจะยินดีจ่ายตามมูลค่าที่คุณมอบให้

หลายครั้งมาริเห็นคนขายของ
ทำธุรกิจ เมื่อเจอปัญหา แล้วมักจะ…..
เกิดความท้อแท้ พร่ำบ่น จมอยู่กับปัญหา
มันเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้
แต่….ใครที่มีสติและลุกขึ้นมาเผชิญได้ไวเท่าไรต่างหาก
คือคนที่จะได้เข้าใกล้ความสำเร็จ และความร่ำรวย
……………………………………………………

#แล้วมันเกี่ยวกับการตลาดยังไง?
ทุกครั้งที่มีปัญหามีปัญญาซ่อนอยู่เสมอ
ถ้าคุณหาเจอ….ผู้คนจะยินดีจ่ายตามมูลค่าที่คุณมอบให้

ยกตัวอย่างเช่น
หลายคนอยากขายออนไลน์
แต่เปิดเพจไม่เป็น ทำเว็บไม่ได้ ใช้ Line OAไม่เก่ง
คุณอาจจะคิดว่า เรื่องเล็กๆแค่นี้ ไม่น่าจะมีมั้ง
แต่เชื่อมั้ยคะ คนจำนวนไม่น้อยที่รอการแก้ปัญหานี้อยู่
ถ้าคุณรู้วิธีแก้ หรือคุณเคยผ่านปัญหาเหล่านี้มาก่อน
คุณใช้สติปัญญาจนเจอทางออก…
สิ่งนี้จะมีมูลค่าหรือมีผลตอบแทนคืนกลับหาคุณเสมอ
……………………………………………………

ผลตอบแทนแรกที่คุณได้เลย คือ คุณเก่งขึ้นอีกระดับ
ผลตอบแทนที่ 2คือ ถ้ามีคนที่มีปัญหาแบบเดียวกัน
หรือคล้ายๆ กับที่คุณเจอ คุณช่วยเขาได้
เขายินดีจ่ายให้คุณแน่นอน
แต่…..
มูลค่าของมันจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับ
#ระดับที่คุณเลือกเล่น
……………………………………………………

มีตั้งแต่
คุณเขียนหนังสือให้เขาอ่านแล้วเขาแก้ปัญหาได้
คุณเปิดคอร์สออนไลน์ให้เขาศึกษาเอง
คุณให้คำปรึกษาให้แนวคิดอย่างใกล้ชิด
คุณช่วยเขาทำ
คุณทำให้เขา
คุณวางกลยุทธ์ให้จนเขามีรายได้
ระดับมูลค่าหรือเงินที่เขาจะจ่ายกลับมาก็ต่างกัน
ความรู้อื่นๆ
สินค้าและบริการอื่นๆก็หลักการคล้ายกัน
คือผลิตหรือสร้างมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาอะไรซักอย่าง
……………………………………………………

คุณอาจจะแย้งต่อไปอีกว่า….
ถ้าปัญหานั้น มันไม่ได้มีคุณแก้ได้คนเดียวล่ะ
มีคนอื่นอีกเยอะแยะที่ทำได้เหมือนกัน
แล้วมันจะช่วยให้คุณสร้างมูลค่าจากมันได้อย่างไร?
……………………………………………………

มันอาจจะเป็นไปได้ว่า….
คุณมีความสามารถหรือมีปัญญา
มีเทคนิค หรือ วิธีการ ที่คุณผ่านมันมาด้วยตัวเอง
ความรู้ที่สะสม ประสบการณ์ มันทำให้ผู้คนเลือกคุณ
หรือทำให้คุณเข้าถึงข้อมูลนั้นมากกว่าคนอื่น
เช่น มีวิธีแก้นะแต่เป็นภาษาอังกฤษ
คนขี้เกียจอ่าน หลายคนกลัวแปลผิด
หลายคนไม่เก่งภาษาอังกฤษ
ทำให้เขาแก้ปัญหานั้นๆไม่ได้
หรือเลือกแก้ปัญหาจากปัญญาของคุณ
แทนที่จะไปอ่านเอง เป็นต้น
……………………………………………………

คุณมีคอนเนคชั่น เข้าถึงสิ่งที่คนอื่นเข้าไม่ได้
เช่น คุณมีเครือข่าย มีข้อมูล เอาสินค้าไปวางขาย
ในห้าง ส่งออก นำเข้า ได้ดีหรือมีจุดเด่นกว่าคนอื่น
นั่นก็เป็นไปได้ว่า ผู้คนที่มีปัญหาจะยอมจ่ายค่าปัญญาให้คุณ
หรือคุณเป็นที่พัก มีบริการ ที่เชื่อมกับสถานที่อื่นๆ
มีช่องทางที่ดัง คนอื่นเลยอยากให้คุณช่วยแก้ปัญหา
โดยขอมาแปะกับคุณ ให้คุณช่วยโปรโมท
หัก% กินส่วนต่าง หรือต่างตอบแทนในรูปแบบอื่นๆ
เพราะปัญหาที่คุณเคยผ่านมาก่อน
และปัญญาที่คุณมี ทำให้คุณเดินทางมาถึงวันนี้
มันมีมูลค่าซ่อนอยู่เสมอ
……………………………………………………

แต่…..ถ้าคุณยังเลือกที่จะจมกับปัญหา
พร่ำบ่น และท้อแท้
ก็เป็นไปได้ว่า
นอกจากคุณจะยังไม่เจอทางออกของปัญหา
ไม่เจอปัญญาที่ซ่อนอยู่
คุณก็จะไม่เจอหนทางสร้างมูลค่า
หรือหนทางสร้างเงินของคุณอีกด้วย

ทุกครั้งที่มีปัญหามีปัญญาซ่อนอยู่เสมอ
ถ้าคุณหาเจอ….ผู้คนจะยินดีจ่ายตามมูลค่าที่คุณมอบให้

ถ้าคิดว่ามีประโยชน์โปรดแชร์
ถ้าชอบกด “ใช่”
ถ้าไลค์กด “แชร์”
แฮร่!!!

#มาริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#การตลาด
#ลูกค้า
#แก้ปัญหา
#ช่องทางการหารายได้

หลายคนคงเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า…
เราจะยังจำเป็นต้องมีหน้าร้านอยู่มั๊ย
การออกบูธ หรือ การทำออฟไลน์
มันยังโอเคอยู่รึเปล่า

คือ การที่จะฟันธงว่ามันดีหรือไม่ดีนั้น
มันอยู่ที่หลายอย่างค่ะ เช่น
ของบางอย่างมันจำเป็นต้องมีหน้าร้าน มันก็ต้องมี
อย่างไปให้คุณหมอตรวจ ไปสักคิ้ว ไปกดสิว ไปตัดผม

ของบางอย่างจะมีหรือไม่มีก็ได้ เช่น
เสื้อผ้า (เมื่อก่อนไม่มีมันดูแปลกๆ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีก็ขายได้)
………………………………………………………………………………

แต่บางครั้ง หากทั้งสอง ช่องทางมันช่วยเสริมกันได้
หรือ ทำควบคู่กันได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องทิ้งทางใดทางหนึ่งค่ะ
เพียงแต่อาจจะให้น้ำหนักต่างกัน
(Omni Channel ศัพท์นี้เอาไปค้นเพิ่มเติมได้ค่ะ)
คือ มาริเชื่อว่า ทุกวันนี้ออนไลน์มันดีอยู่แล้วแหละ
แต่แค่อยากจะบอกว่า…
บางครั้ง การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า
การให้ลูกค้าได้มาสัมผัสของจริง
ณ ปัจจุบันนี้ การทำแบบมีหน้าร้าน หรือแบบออฟไลน์
ก็ยังให้ความรู้สึกมากกว่าการทำออนไลน์เพียงอย่างเดียว
ออนไลน์ช่วยดึงคน ช่วยตอกย้ำให้จดจำ ช่วยทำให้อยากแชร์ ช่วยดึงให้คนอยากมา
แต่ออฟไลน์หรือหน้าร้าน ช่วยสร้างประสบการณ์
………………………………………………………………………………

ทำไมต้องเลือก ถ้า….
ถ้ามันเสริมก็ไม่ต้องทิ้งทางใดทางหนึ่ง
แต่ถ้า….มันเสีย ตอนนั้นค่อยเลือกก็ได้ค่ะ
ในที่นี้ เสีย หมายถึงว่า มันดูไม่คุ้มกะเวลา และเงิน เอาเสียเลย
(คือ ของบางอย่าง สั้นๆ อาจยังไม่เห็นว่ามันได้อะไรกลับมา
แต่ระยะยาวถึงคุ้มค่าก็มีค่ะ อย่างเรื่องของการสร้างแบรนด์
อย่างนี้ต้องมองยาวหน่อยค่ะ)
………………………………………………………………………………

อย่างเช่น คุณเริ่มสังเกตเห็นว่า….
เอะ!! สัดส่วนลูค้าแทบจะ 70-80% เลย สั่งออนไลน์
หน้าร้านแทบไม่ต้องมีก็ยังได้ หรืออย่างเต็มที่
เราก็ไปนัดเจอ ไปพรีเซนต์ให้ลูกค้าเห็นที่อื่นๆแทน
ไม่จำเป็นต้องมาที่หน้าร้าน
พอคิดสะระตะแล้ว โอ้ว ค่าเช่า ค่าพนักงาน
ค่าเสื่อม ค่าเอฟเวอร์รี่ติง จิงกะเบล
มันเริ่มเป็นอะไรที่ต้องจ่ายตลอด ค่าคงที่ แต่ไม่ค่อยจะคุ้มแล้ว
เอาเงินที่เสียตรงนี้ ไปพัฒนาช่องทางออนไลน์
หรือเสริ์ฟถึงบ้านให้ลูกค้าดีกว่า…
แบบนี้เลือกได้เลยค่ะ (เลือกบนฐานข้อมูลที่เรามี)
หรือค่อยใช้วิธีอื่นๆ เช่น ออกบูธบ้างเพื่อสร้างกิจกรรม
หรือได้สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ได้เกิดการสัมผัส
แทนการเปิดหน้าร้านตลอดเวลา
หรือไม่ก็…เปิดเป็นช่วงแทน เพื่อให้ลูกค้าเห็นคุณค่า
และเราง่ายต่อการบริหารจัดการ
(โดยเฉพาะคนที่ทำท่องเที่ยวเชิงเกษตรนะคะ
เปิดตลอดเวลา
ตอนที่ไม่มีอะไรมาโชว์มันเหนื่อย
แบกต้นทุน คนก็ไม่ไปเที่ยว อะไรแบบนี้
ลองปรับวิธีออนไลน์เข้ามาช่วยได้นะคะ)
เป็นต้น
………………………………………………………………………………

พอเห็นภาพนะคะ

กล่าวโดยสรุปก็คือ
ถ้าระหว่างออฟไลน์ กับ ออนไลน์
มันเสริมกันดี พี่ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง
ทำมันทั้งคู่ แต่ใช้วิธีแบ่งน้ำหนักไม่เท่ากันแทน
หรือเน้นเป็นช่วงๆ แทน
แต่ถ้าทำทั้งคู่ แล้วมันเสีย ไม่ส่งเสริมกัน
พี่ค่อยเลือกฟันธงเพื่อโฟกัสให้สุดทาง ก็ได้คร่าาา

ทำไมต้องเลือก ถ้า “มันดีทั้งคู่”
ทำไมไม่เลือก ทั้งคู่เลยล่ะ