เพจปลิวเพราะเกาะกระแส

ระวังพจปลิวเพราะเกาะกระแส

ปัญหาเพจปลิว ไม่มีใครอยากเจอ แต่บางครั้งความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจนำปัญหาเพจปลิวมาให้เราได้

พี่เมริเชื่อว่า มีมือใหม่หลายๆคน ที่อยากให้เพจเราโต
และเราก็เคยได้ยินมาว่า….เกาะกระแสเลย
เขาฮิตอะไร ก็ใส่ # หรือ เล่นตามเขามีโอกาสเพจโต
…………………………………………………………………….

อันนี้พี่เมริไม่เถียงค่ะ
เพราะพี่เมริเองก็มีใช้เทคนิคพวกนี้ด้วยเหมือนกัน
แต่….
คีย์สำคัญที่อยากจะมาแชร์วันนี้
สำหรับมือใหม่ หรือ หลายคนที่กลัวพลาด
คือ รู้ว่าต้องทำ แต่ไม่รู้ว่าต้องทำแบบไหน โพสต์แบบไม่ดูกฏหรือมัวแต่ห่วงเกาะกระแส
ไปๆมาๆ เพจปลิวได้ค่ะ
…………………………………………………………………….

พี่เมริขอให้ไอเดียสำหรับการเกาะกระแส
แบบป้องกันเพจปลิวคร่าวๆนะคะ
…………………………………………………………………….

ถ้ากระแสเหล่านั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ
การเมือง การเหยียดสีผิว ดูถูกเชื้อชาติ
ศาสนา เหยียดฐานะ
เลี่ยงได้ เลี่ยงดีกว่าค่ะ
(ยกเว้นคุณทำเพจด้านการเมืองอันนั้นคนละส่วนค่ะ)
เพราะมันอาจจะคนไม่ชอบ
เพจคุณถูกกด Report หรืออื่นได้ๆ
ถ้าเรามีอารมณ์ร่วมแบบสุดๆ
พี่เมริแนะนำว่า ไปในเฟสบุคส่วนตัวดีกว่าค่ะ
คือ เพราะไม่แน่ว่า….
ลูกเพจของคุณอาจจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคุณ
หรือ ลูกเพจของคุณเขาเห็นละอย่างกับคุณ
เดี๋ยวมันไม่ได้เป็นการเรียกลูกค้า แต่ไล่ลูกค้าค่ะ
และมันจะไม่ใช่เพจโต แต่เพจดาวน์แทนค่ะ

…………………………………………………………………….

แชร์เรื่องดราม่า หรือ หดหู่บ่อยๆ
อันนี้ไม่ได้มีผลกับเพจปลิวนะคะ
แต่มันจะทำให้บรรยายเพจหดหู่ ดูเข้าเพจนี้ทีไรอึมครึมทุกที
ยกเว้น คุณเป็นเพจแนวอกหัก หรือ แนวเหงา เศร้า ซึม
คือ ดูลักษณะเพจเราประกอบอีกที นอกจากกระแส
…………………………………………………………………….

หรืออย่างข่าวที่มันเป็นพวกภาพเปลือย ทารุณทางเพศ
อะไรแนวๆ นี้ พี่เมริคิดว่า
ถ้าคุณไม่ใช่เพจข่าว หรือ เพจแนววิเคราะห์ข่าว
คือ เป็นแบบเพจขายของ หรือ เพจความรู้
คือเอาง่ายๆ ว่า ไม่ได้ทำเพจเพื่อเป็นในลักษณะสื่อมวลชน
ก็แนะนำให้เลี่ยงอีกเช่นเดียวกันค่ะ
คือ บางอันมันไม่ได้ผิดแค่กฏเฟสบุคนะคะ แต่บางอันมันผิดกฎหมายด้วย
…………………………………………………………………….

ส่วนกระแสที่มันดูน่ารัก สนุกสนาน แล้วมันตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มลูกเพจเรา อันนั้นก็ทำได้เลยค่ะ มันช่วยให้เพจมีสีสัน
หรือเพิ่มโอกาสดันเพจให้โตได้ แต่ถ้าบางอันที่เป็นกระแส
แต่ว่า แหม ห่างไกลกับเพจเราหรือกับลูกเพจเรา
ก็ไม่ต้องเกาะทุกกระแสก็ได้จ้า
เลือกเอาที่เหมาะ

สรุปสั้นๆ แบบเข้าใจง่ายๆ คือ
อยากเกาะกระแสเพื่อช่วยให้เพจโต หรือ มีสีสัน ทำได้ค่ะ
แต่เลี่ยงที่เป็นการเหยียด แตกแยก รุนแรงต่างๆ
ถ้าอยากโพสต์แบบสุดๆ อดใจไม่ไหว ให้ไปใช้ช่องทาง
เฟสบุคส่วนตัวแทนดีกว่าจ้า
…………………………………………………………………….

เพราะเราอยู่บ้านของเฟสบุค
เราก็ต้องเคารพกฏในบ้านของเขาด้วยค่ะ
อย่าให้ความอยากโต หรือ อยากดังจนเกินไป
มาบดบังสายตา
หรือถ้าทำไปด้วยความไม่รู้ก็ยึดหลักคร่าวๆที่ว่า
อะไรที่ผิดศีลธรรม หรือดูรุนแรง ดูหมิ่น ดูแคลน
ก็ข้ามผ่านมันไป อย่าไปเกาะกระแสเหล่านั้น
(อันนี้พี่เมริหมายถึงกรณีที่เพจเราไม่ได้เป็นเพจที่ทำตัวเองเป็นสื่อมวลชนนะคะ)
…………………………………………………………………….
#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#มือใหม่หัดทำเพจ
#ป้องกันเพจปลิว
#ปั้นเพจให้โต
#OnlineMarketing
#DigitalMarketing

ดูวิธีทำแบบ Step by Step ตามรูปได้เลยค่ะ

สำหรับคนที่อยากโตทั้ง 2 ช่องทาง ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#EasyMarketing
#ปรับแต่งเพจ
#OnlineMarketing

พี่เมริได้คำถามหลังไมค์เข้ามาค่ะว่า
กำลังอยากจะขายของแต่ยังไม่กล้าลงเงินเยอะ
เพราะไม่มั่นใจ และเคยเจ็บมาเยอะ
อยากให้การเริ่มต้นครั้งใหม่ดีกว่าที่ผ่านมา
พอจะมีวิธีมั๊ยคะ

พี่เมริอยากจะแชร์ไอเดียในการเทสตลาด
หรือทดสอบเบื้องต้น ซึ่งพี่เมริก็ใช้วิธีพวกนี้บ่อยๆ
รวมถึงมือโปรที่เขาขายดีๆ หลายคนก็ใช้วิธีหล่านี้ทั้งนั้น
และบางคนก็ใช้วิธีที่ขั้นสูงขึ้นไปอีก
แต่ 4 ไอเดียเหล่านี้ พี่เมริว่าก็ใช้ได้ค่ะ

#ลองซื้อมาใช้เอง
ถ้ามีกำลังพอไหว สินค้าไม่แพงมาก ลองซื้อมาใช้ซักชิ้นแล้วตอบตัวเองว่ามันดีพอขายได้มั๊ย ชอบมั๊ย หรือ เฉยๆ (ถ้าเรามาขายจริงๆ ลูกค้าหลายคนถ้าประทับใจครั้งแรกก็มีโอกาสซื้อต่อ)

#ลองโพสต์หน้าเฟสส่วนตัว
ลองแชร์บอกเล่า ความประทับใจ ข้อดี แบบเหมือนเล่าให้เพื่อนฟัง ว่าไปลองมาแล้วมันดียังไง บางครั้งเราจะเห็นโอกาสจากตรงนี้
(หรือลองถามว่าถ้าเราจะเอามาขายจริงๆ มีใครสนใจมั๊ย รับ Pre-Order)

#ลองเทสตลาดหน้าเพจ
ลองทำบทความ คอนเทนต์ เกี่ยวกับสินค้า โดยนำเสนอจุดเด่นในการแก้ปัญหาของลูกค้า หมั่นอ่านคอมเมนท์ ดูฟีคแบคส์ ว่าเสียงตอบรับเป็นยังไง (ลองไลฟ์จัดกิจกรรมแจก หรือ ไลฟ์เนื้อหาที่เกี่ยวกับสินค้าที่เราสนใจ เพื่อดูฟีดแบคส์)

#โพสต์ตัวอย่าง
ลองทำรูป กราฟฟิค หรือ ขอรูปจากเจ้าของแบรนด์ โพสต์เพื่อทดสอบตลาดก่อน เพราะจะช่วยให้เห็นทิศทางมากขึ้น
หรือลองให้เล่นเกมเดาราคา กิจกรมต่างๆ รับ Pre-Order จะช่วยให้รู้ว่าคนจะเทไปทางสีไหน ไซด์ไหน ราคาในใจเวลาเห็น หรือเราต้องปรับตรงไหนอีก ก่อนขายจริงจะได้ไม่สต๊อกมั่วๆ

รวมถึงยังสามารถไปดูในพวกกระทู้พันทิป
เซิร์ทในกูเกิล ว่าคนเขาติดปัญหาอะไร
แล้วสิ่งที่เราจะเอามาขาย มันจะช่วยคนกลุ่นนี้ได้มั๊ย
แล้วทำไมสินค้าอื่นๆ หรือเจ้าอื่นๆ ที่เขาขายกันอยู่
แต่คนก็ยังมาถามอยู่อีก
นั่นมันจะเป็นสัญญาณว่า มีความต้องการ
แต่มันยังไม่ตอบโจทย์ หรือ ยังมีมุมอื่นๆ ช่องว่างอื่นๆ
ที่เราจะขึ้นไปทำตลาดได้
เราจะได้เริ่มต้นแบบมีทิศทางค่ะ

ลองใช้เทคนิคบนโลกออนไลน์จากในเพจ ในเฟสบุคส่วนตัว
หรือช่องทางออนไลน์อื่นๆ มาช่วยนะคะ
เพื่อให้คุณจะได้รู้ว่าสินค้าที่คุณจะเอามาขาย
มันจะพอเป็นไปได้มั๊ย

ลองเอาไปใช้กันนะคะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#มือใหม่หัดทำออนไลน์

มือใหม่หลายๆคน บอกพี่เมริว่า..ติดปัญหาเรื่องทำคอนเทนต์มากๆ เลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะโพสต์ด้วยภาษาแบบไหนกับลูกเพจดี
คือ ส่วนใหญ่มันเป็นศัพท์เทคนิคทั้งนั้นเลยค่ะ

ผมเปิดเพจมานานแล้วแต่แทบไม่มีใครทักมาเลย พี่ว่าผมควรปรับตรงไหนดี

มันพอจะมีวิธีขายคอมหรือสื่อสารง่ายๆบ้างมั๊ยครับ ผมงงมากเลยว่า ทำไมลูกค้าผู้หญิงคุยอยากกว่าผู้ชาย

บางส่วนที่พี่เมริได้รับคำถามมาค่ะ แล้วพอลองเข้าไปดูเพจก็เจอปัญหาหลักๆ คล้ายกันคือ ภาษาที่ใช้สื่อสารกับลูกเพจ

เป็นไปได้ค่ะ ที่ในเพจของเราจะมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง
และเป็นไปได้อีกเหมือนกันที่ในเพจๆ เดียวกัน
จะมีทั้งคนที่เป็นสายแข็งชอบอ่านแบบจริงจัง
กับสายรวบรัดตัดความ ขอแบบสั้นกระชับ เอาเร็วๆ เข้าใจง่าย
บางคนก็มาสายเทคนิคต้องดูทางการนิดๆ

ไม่ผิดนะคะที่ลูกเพจของเราจะมีหลากหลายกลุ่ม
ทางแก้มันเลยมีแนวทางแบบนี้ค่ะ
……………………………………………………………………..

1. นึกหน้าคนที่เราต้องการจะสื่อสารด้วยในโพสต์ๆนั้น
หรือคอนเทนต์นั้นๆ เป็นหลัก หรือแม้แต่ในอินบ๊อกซ์ก็ตาม มันอาจจะมีคนกลุ่มอื่นมาอ่านก็ไม่เป็นไร. แต่เราเน้นการนึกถึงหน้าของคนนั้นเป็นหลัก

เช่น นึกถึงว่าเราต้องการสื่อกับผู้หญิง ที่กำลังสนใจหารายได้บนโลกออนไลน์ และอยากได้คอมพิวเตอร์ ซักเครื่องหนึ่ง แต่เธอไม่ค่อยรู้เรื่องสเปคซักเท่าไร. เราสามารถใช้พาดหัว และรูปภาพที่ให้เธอเข้าใจด้วยภาษาง่ายๆ

#คอมพิวเตอร์สำหรับแม่ค้าออนไลน์ สายชอบไลฟ์ ต้องมี
เหมาะกับคนที่ต้องการใช้งานผ่านโปรแกรม OBS หรือไลฟ์สดบ่อยๆ
แทนที่จะเริ่มต้นพาดหัว หรือ ข้อความในรูปเป็นสเปคคอมแบบงงๆ
Ram เท่าไร itel i นู่นนี่นั้น
เพราะเธออาจจะคิดหนักและถามหนักกว่าเดิมอีก

ในขณะที่ ถ้ากำลังต้องการสื่อกับพนักงานไอที
ที่ต้องการหาสเปคคอมให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องขออนุมัติงบประมาณ
คุณทำโพสต์หรือคุยอินบ๊อกซ์
แบบภาษาเทพกับเขาเหล่านั้นได้เลย
ใช้ภาษาเดียวกันคุยกันได้เลยค่ะ
……………………………………………………………………..

2. เรื่องเดียวกัน ทำโพสต์หลายๆ แบบ
เช่น ภาษาแบบทั่วไปที่เข้าใจได้ สั้น กระชับ ฉับไว
สำหรับกลุ่มลูกเพจที่อ่านน้อย ต่อยหนัก แบบชอบไหลไวๆๆ
กดไลค์ กดแชร์ ไว้ก่อน คล้ายวัยรุ่นดู IG

หรือ เขียนแบบเจาะลง สำหรับสายแข็ง หรือ
โพสต์ที่ต้องการโชว์ของของเรา
ปล่อยพลังกับโพสต์นั้นได้เลย

ส่วนนี้ต้องลองวิเคราะห์ลูกเพจตัวเองอีกทีนะคะ
เพราะแต่ละเพจไม่เหมือนกัน
สามารถไปดูได้ที่ข้อมูลเชิงลึกเพจ
……………………………………………………………………..

3. ปรับภาษาให้ดูเหมาะกับลูกเพจ หรือ คนที่เราต้องการสื่อสารด้วย
ทั้งนี้ดูลูกเพจของเราเป็นหลัก และวัตถุประสงค์ของการทำโพสต์นั้นๆ
เช่น พี่เมริต้องการคุยกับมือใหม่ที่กำลังอยากขายของออนไลน์
พี่เมริก็ปรับมาใช้คำว่า “ลูกค้า” หรือ “ว่าที่ลูกค้า”

ในขณะที่ถ้าเป็นภาษาวิชาการ หรือแบบถูกต้องในแต่ละบริบท
คือ Target Market / target audience / potential customer

ซึ่งหากเป็นนักวิชาการหรือนักการตลาด ถ้ายังไม่ซื้อของจริงๆ
จะไม่เรียกว่า “ลูกค้า” ถ้าอย่างนี้
งานวิชาการอาจจะตีตก หรือ คิดว่าเรามั่ว
แต่พี่เมรินึกถึงข้อ 1 ที่ว่า นึกถึงหน้าคนที่เราจะสื่อสารด้วยเป็นหลักค่ะ

แต่ถ้าคุณหวั่นใจกลัวใครเข้าใจผิด หรือ อยากให้มันดูเป็นทางการขึ้น
หรือแม้แต่ว่า เพื่อประโยชน์ในการหาข้อมูลต่อสำหรับลูกเพจ
เราสามารถใช้ ศัพท์เทคนิค แต่ลองเพิ่มคำอธิบาย
หรือ เป็น : หรือ ทำเป็น ( ) เพิ่มเติม หรือ ลองเทียบเคียงกับสิ่งอื่นๆ
หรือให้ แหล่งอ้างอิง ให้เครดิตที่มาไว้ด้วยก็ได้ค่ะ
ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
……………………………………………………………………..

4. หลีกเลี่ยง การเหยียด ที่สุ่มเสี่ยงเกิดดราม่า
ถ้าอะไรที่มันดูสุ่มเสี่ยงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
หรือดราม่าจ๋าๆ คุณอาจเลี่ยงการโพสต์
แต่ใช้วิธีการทักแชท หรือ คุยในอินบ๊อกซ์แทน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่ Sensitive
อย่างจน รวย ถึงคุณจะขายของแพง ในเพจดูไฮโซ
ก็ไม่ควรใช้คำพูดเหยียดกลุ่มคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
หรือพอคุณดัง มันอาจจะมีคนมั่นไส้ คอมเม้นท์เสียๆหาย
ถ้ามีคนมาเกรียนใส่ แบบจัดๆ
คุณใช้การบล็อค หรือ ซ่อนคอมเม้นท์เหล่านั้น
จะละมุนละม่อมกว่า การใช้ภาษาที่ดูสุ่มเสี่ยงดราม่านะคะ
พี่เมริยังหมายถึงเสี่ยงเพจปลิวด้วยค่ะ

……………………………………………………………………..

พี่เมริอยากให้เข้าใจธรรมชาติของเฟสบุคอยู่อย่างนึงนะคะ
ถึงแม้จะเป็นเพจ ที่ดูมีความเป็นทางการกว่า เฟสบุคส่วนตัว
แต่มันก็คือ สื่อที่เน้นการสื่อสารแบบคนกับคน
คือพูดสั้นๆ ว่ามันเป็นสื่อ Social Media
ความเป็นกันเองจะมีกว่าช่องทางที่เป็นทางการ
เมื่อเทีบบกับเว็บไซต์
การทำให้เพจดูมีชีวิตชีวา
ด้วยภาษาที่คุณคุยกับลูกเพจ แบบไม่ทางการจนเกินไป
หรือมีหยอกล้อกันบ้าง เพื่อความเชื่อมโยง
พี่เมริว่ามันดูไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรนะคะ
อยู่ในวิสัยที่ทำได้ค่ะ

……………………………………………………………………..

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#ปรับเพจ
#FacebookMarketing
#SocialMedia
#OnlineMarketing
#EasyMarketing

อยากเพิ่มลิงก์ Line OA ในโพสต์ ง่ายๆ
อยากให้ลูกค้าแอด Line OA เลยอยากแปะลิงค์ไว้ที่เพจ
………………………………………………………….

บอก Premium ID Line OA ไปแล้ว
ลูกค้าพิมพ์ผิดพิมพ์ถูกหาไม่เจอ
ลูกค้าบอกหา Line OA ยากจัง
ทำโพสต์ขายและอยากให้เขาทัก Line OA เลย คลิกลิงก์เดียวง่ายๆ

พี่เมริมีวิธีมาบอกค่ะ วิธีง่ายๆ เลย สำหรับคนที่มี Premium ID แล้ว เราสามารถใช้วิธีการคือ
https://line.me/R/ti/p/ ตามด้วยPremium ID ของเรา เช่น https://line.me/R/ti/p/@Mariluya

เพียงแค่นี้เมื่อมีการกดคลิกลิงก์ มันก็เด้งมาเพิ่มเพื่อนให้แล้วค่ะ
Premium ID ปีละ 12เหรียญ หรือคิดเป็นเงินไทย ประมาณ 450 บาท/ปีค่ะ

หรือถ้าใครยังไม่มี Premium ID
ก็ใช้วิธีการคัดลอกลิงก์มาใส่ไนโพสต์ ในเพจ ได้เลยค่ะ
โดยไปที่แอพ Line OA ของเรา
เลือกบัญชีที่เราต้องการ
จากนั้นไปที่ Home (รูปบ้าน)
เลือกเพิ่มเพื่อน
แล้วจะเจอทั้ง QR Code
แชร์ให้เพื่อนทางไลน์
คัดลอกลิงก์
ทางเฟสบุคส์
อีเมลล์
และอื่นๆ อีก
เราสามารถส่งตามช่องทางนั้นๆ
หรือเลือก ลิงก์ แล้วกดคัดลอกลิงก์
เก็บไว้ใช้งานได้เลยค่ะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#EasyMarketing
#วิธีเพิ่มลิงก์Line
#LineOA
#ปรับเพจให้ดูดี

หลายคนที่เข้ามาทำธุรกิจ หรือ
กำลังคิดจะขายขของออนไลน์
คงเกิดคำถามในใจว่า….
………………………………………………………………..

ฉันจำเป็นแค่ไหนที่ต้องรู้การตลาด
ฉันมีเงินจ้างคนอื่นทำเลยได้มั๊ย
ฉันไม่ได้ผลิตเอง ซื้อมา ขายไป จำเป็นด้วยเหรอ
ร้านฉันเล็กๆ คงไม่จำเป็นต้องทำมั้ง
แค่ยิงแอดเป็นก็จบแล้วมั๊ยจะทำการตลาดไปทำไม
สินค้าดี บริการดี จะกลัวอะไร ขายได้อยู่แล้ว
………………………………………………………………..

หากคุณเป็นคนนึงที่กำลังคิดแบบด้านบนอยู่
ไม่ว่าจะข้อใด ข้อหนึ่ง หรือหลายข้อก็ตาม
เมริแนะนำให้คุณอ่านบทความนี้ต่อค่ะ
………………………………………………………………..

เพราะต่อไปยุคแห่งการขายอย่างเดียวจะหมดไปแล้ว
การยิงโฆษณาแม่นเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
ถ้าโพสต์นั้นไม่ได้สร้างความอยากได้หรือกระแทกให้ตัดสินใจ
ไม่ว่าคุณจะทำเองแบบตัวคนเดียว หรือ มีลูกน้อง มีทีม
สิ่งที่คุณควรรู้คือ การขายและการตลาดจะนำรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ
คุณจำเป็นต้องรู้ เพราะสินค้าหรือว่าบริการดีๆ
วางอยู่กับที่ ไม่มีใครรู้จัก ก็จะไม่ทำเงิน
การขายตัดราดา หรือ เน้นเรื่องราคาเพียงอย่างเดียว
ไม่อาจทำให้คุณอยู่รอดในโลกที่มีอินเตอร์เน็ต ที่เช็คราคาได้อย่างง่ายดาย
และต่อไปในหลายสินค้า/บริการ ราคาจะไม่ใช่เพียงอย่างเดียวที่คนตัดสินใจ
………………………………………………………………..

1. ไม่มีใครรู้จักสินค้า/บริการ ”ของคุณ” ได้ดีเท่าคุณ

หากคุณเป็นตัวแทนสินค้า คุณก็จำเป็นต้องรู้เช่นกัน
เพราะคุณจะเข้าใจและรู้วิธีการนำเสนอได้อย่างดีกว่าคนที่ไม่รู้

2. ไม่มีใครรักและแคร์ได้เท่าคุณ

ถึงแม้คุณจะไม่ได้ผลิตเอง แต่คุณเป็นคนเลือกที่จะนำสิ่งนั้น
ออกสู่ตลาด คุณจะรู้ดีว่ามันช่วยผู้คนได้ยังไง
คุณจะรักและหลงใหลมันมากกว่าคนอื่นๆ
ยิ่งถ้าคุณเริ่มปุกปั้นมันเองคุณจะเข้าใจความรู้สึกนี้อย่างดี

3. ถ้าคุณไม่เข้าใจคุณจะไม่รู้เลยว่า สิ่งที่คุณทำอยู่มันดีรึยัง

ถ้าคุณเข้าใจกลุ่มลูกค้า เป้าหมาย เพื่อทำการตลาดต่างๆ
คุณจะเข้าใจว่า บางอย่างทำเพื่อเห็นผลในระยะสั้น
บางอย่างไม่เกิดผลทันที และคุณจะสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อีก
โดยไม่ท้อ หรือ ล้มเลิกไปก่อน หรือมองเห็นทางใหม่ๆ

พี่เมริ ขอเอาเหตุผลแบบสั้นๆ เพียง 3 ข้อ
ที่จะช่วยให้คุณเริ่มเห็นความสำคัญและอยากเพิ่มทักษะทางการตลาด
จริงๆมีหลายเหตุผลกว่านี้นะคะ
แต่วันนี้ลองดู 3 ข้อนี้ก่อน
พี่เมริเชื่อว่า ถ้าคุณอ่านอย่างตั้งใจ
คุณจะรู้ว่ามันใช่ค่ะ
และที่สำคัญการตลาดเป็นทักษะที่เรียนรู้กันได้ค่ะ
………………………………………………………………..

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#การตลาด
#เริ่มต้นทำธุรกิจ
#เริ่มต้นขายของ

ขายของเหมือนกันถ้าไม่แข่งราคาจะแข่งอะไร
ของใกล้เคียงกัน แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว ไม่รู้จะนำเสนอยังไงดี
ก็รู้แหละว่ามันต้องแตกต่าง แล้วต้องทำยังไงล่ะ

หลายคนน่าจะกำลังเบื่อกับการแข่งขันด้านราคา
เพราะนอกจากกำไรที่ลดลงแล้ว
บางครั้งยังรู้สึกว่าต้องวิ่งตลอดเวลา
เราลดแป๊บเดียว เจ้าอื่นลดอีกแล้ว
……………………………………………………………………

หลายคนรู้ดีว่า ถ้าเราแตกต่าง มันจะช่วยอัพราคาได้
หรือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้คนนึกถึงได้ง่ายขึ้น
……………………………………………………………………

ก่อนที่เราจะไปสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าของเรา
บริการของเรา หรือ แม้แต่สร้างตัวเราเองให้มันแตกต่าง
หรือ ภาษาทางการนิดหน่อยก็คือ การสร้างแบรนด์
การสร้าง Personal Branding
พี่เมริอยากให้คุณลองคิดและตกผลึกในมุมต่อไปนี้ก่อนนะคะ
มันจะช่วยให้คุณง่ายขึ้น
เพราะในยุคต่อจากนี้ไป
ถ้าเราไม่ต่าง ไม่มีแบรนด์ หรือแม้แต่คนที่อยากสร้างตัวตน
ถ้าภาพเหล่านี้มันไม่ชัด คุณก็อาจจะต้องอึดอัดกับสงครามราคา
และอาจจะเจอภาวะที่ว่า ขายได้มาก แต่กำไรแทบไม่เหลือ
……………………………………………………………………

คุณน่าจะติดปัญหาข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ค่ะ

1. คู่แข่ง
พี่เมริไม่ได้หมายถึงว่าคุณต้องไปลอกเลียนแบบเขา
ไปด่าว่า โจมตี หรือ ทำการตลาดแบบแย่ๆ เพื่อให้เราโดดเด่นนะคะ
หรือแม้แต่คนที่มีจิตใจมีคุณธรรรม บอกว่า ฉันไม่แข่งกับใคร แข่งกับตัวเองพอ
ฉันไม่มีคู่แข่งหรอก ฟังพี่เมริก่อนนะคะ

ปัญหานึงที่คุณจะแตกต่างแต่ไม่โดดเด่น หรือ ไม่ชัดเจน
นั่นคือ คุณไม่รู้จักคู่แข่งของคุณ คุณไม่รู้ว่ามีใครอยู่ในตลาดบ้าง
พี่เมริไม่ได้หมายถึง คุณต้องไปแก่งแย่งชิงดี
แต่การที่คุณรู้ ณ จุด ๆ นี้ มันจะช่วยให้คุณเค้น ออกมาได้ว่า
ข้อดีที่เรามี บุคลิกที่เราเด่น จุดนำเสนอที่ควรใช้ มุมไหนมันจะได้ผลดี
อย่างดาราตลก ในเมืองไทยก็มีไม่น้อย แต่ว่า ทำไมบางคนก็มีจุดเด่น
นี่แหละค่ะ ที่พี่เมริหมายถึง เราก็แตกต่างได้ เด่นได้ สร้างแบรนด์ได้
โดยไม่ต้องไปทำร้ายใคร เพียงแต่ มันจะช่วยให้หาได้ชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้น ลิสต์ออกมาก่อนนะคะ ว่าคนที่อยู่ในสนามเดียวกับคุณมีใคร และเขาเด่นด้านไหน
……………………………………………………………………

2. หาข้อดีตัวเองไม่เจอ
บางครั้งสินค้าเรามันเหมือนกับคนอื่นมากๆ เลย
แทบจะหาอะไรแตกต่างไม่ได้เลย
ถ้าใครเริ่มต้นสินค้าดี หรือ บริการดี ข้อนี้ก็จะมีชัยไปกว่าครึ่งค่ะ
แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยของห่วย พี่เมริขอแนะนำให้คุณรีบหาทางปรับเปลี่ยน
หรือพยายามหาของดีมาแทนนะคะ เพราะอย่างนั้น แรงพลังที่คุณสร้างขึ้นมา
ไม่ว่าจะสร้างแบรนด์ สร้างจุดเด่น สร้างความแตกต่าง แค่ไหน
มันก็จะพังลงไม่ช้า เพราะคนเขาเอาไปใช้แล้วไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเขา
หรือมันไม่โอเคมากๆ

ภาษาทางการ เขาบอกว่า เราหา USP หรือหา Unique Selling Point
(บางที่ก็เรียก Unique Selling Proposition) ตรงนี้ไม่เจอ
คือ ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเป็น USP ดี ถ้าสินค้าดี มันมีหนทางค่ะ

……………………………………………………………………

จริงค่ะ ว่าสินค้าดี บริการดี วางอยู่กับที่ ใช่ว่าจะขายได้ดี
แต่ก็จริงอีกเช่นเดียวกันที่ว่า… สินค้าห่วย บริการแย่ ถึงการตลาดดี
มันจะขายได้ดีแค่แว๊บเดียว ไม่ยั่งยืน
……………………………………………………………………

คุณอาจจะต้องให้ความสำคัญในการเลือก หรือ ลองบิดหามุมมองอื่นๆ มานำเสนอ
เช่น ยาแต้มสิว เรารู้แหละว่ามันช่วยให้สิวยุบ คือ คุณสมบัติทั่วไปที่มันควรต้องมี
แต่ของคุณช่วยให้ไม่แสบตอนทา ไม่ลอก ไม่ทิ้งรอยแดง แบบเด่นขึ้นไปอีก เป็นต้น
……………………………………………………………………

3. เหมารวมทั้งตลาด
ภาพคุณไม่ชัดว่าต้องการตอบโจทย์ใคร ใครก็ได้ หรือ กลุ่มลูกค้าที่กว้างเกินไป
คุณเลยไม่รู้ว่าเราจะคุยกับใครดี จะบอกเขาว่ายังไง เลยไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไร
หรือจะนำเสนอให้มันแตกต่างยังไงถึงจะโดนใจ
……………………………………………………………………

ลองเคลียร์ภาพทั้ง 3 ส่วนนี้ให้ชัดนะคะ แล้วค่อยมาแมตซ์กับข้อดีที่คุณมี
ซึ่งบางครั้งมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่พิสดารมากแบบที่คุณคาดไม่ถึง
มันอาจจะเป็นเรื่องเรียบง่าย อย่างคำพูดบางคำ วลีบางอย่าง
ท่าประจำตัว เพียงแต่คุณทำก่อนหรือทำแล้วมันโดนก็เป็นไปได้ค่ะ

……………………………………………………………………

#โอกาสยังคงมีสำหรับคนที่มองหา

……………………………………………………………………
แนวคิด และ วิธีการ 3 ข้อที่พี่เมริเอามาเล่าให้ฟังผ่านบทความนี้
พี่เมริเชื่อว่า จะช่วยให้คุณเริ่มต้น ตั้งหลัก ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมนะคะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#EasyMarketing
#สร้างแบรนด์
#สร้างความแตกต่าง
#Branding
#PersonalBranding

เอาแค่ชื่อเราเป็นชื่อเพจเลยไม่ได้เหรอ
อยากตั้งแบบอาร์ทๆ ไม่เห็นต้องตามใคร
ใช้ภาษาแปลกๆ เลยได้มั้ย

พี่เมริได้รับคำถามเรื่องการตั้งชื่อเพจค่อนข้างบ่อย
และบางครั้งถึงต้องตกใจว่า…
ที่ยังไม่เปิดเพจซักทีเพราะหาชื่อดีๆไม่ได้ค่ะ
ก่อนอื่นขอบอกและออกตัวไว้ก่อนว่า
การตั้งชื่อเพจ ไม่มีผิดไม่มีถูก
ตราบใดที่ไม่ได้ผิดกฎของเฟสบุค
………………………………………………………………………….

แต่เพื่อช่วยให้มือใหม่ได้เริ่มต้นลงมือทำ
และช่วยให้อุ่นใจหรือมีทิศทางมากขึ้น
พี่เมริอยากให้แนวคิดเป็นแนวทางเบื้องต้นแบบนี้นะคะ

………………………………………………………………………….

1. ตั้งชื่อเราเป็นชื่อเพจ เลยได้มั้ย ตั้งชื่อแปลกๆ ได้เลยรึเปล่า
ถ้าดังแล้วจะตั้งแบบนั้นเพียวๆ ก็ไม่เสียหายอะไรค่ะ
เพราะถึงไม่อธิบายว่าเป็นใคร เป็นเพจเกี่ยวกับอะไร
คนก็รู้อยู่แล้ว เช่น ครูเงาะ รสสุคนธ์ กองเกตุ
sean buranahiran – ฌอน บูรณะหิรัญ
อีเจี๊ยบเลียบด่วน อีจัน หมอแล็บแพนด้า
เพราะเขารู้จักแล้วค่ะ

แต่สำหรับเพจใหม่ๆ รึคนที่เพิ่งเริ่มเลย
มันอาจจะมีคำถามว่า เมริ ไหนอ่ะ ใครเหรอ
การที่เราเพิ่มคำจำกัดความ คำขยาย คำคีย์เวริ์ด
จะช่วยให้คนเข้าใจ และรู้ได้ง่ายและเร็วขึ้นค่ะ
ว่าเป็นเพจเกี่ยวกับอะไร
(ดังแล้วค่อยตัดออก เหลือแต่ชื่อก็ได้ค่ะ)
………………………………………………………………………….

2. ต้องมีคีย์เวิร์ด ด้วยเหรอ แล้วสั้นๆ รึยาวดี ไม่มีได้มั้ย
ปกติเวลาที่เราจะค้นหาอะไรซักอย่าง
เรามักจะค้นหาด้วยการ เซริ์ทข้อมูล เช่น search ใน google
การมีคำคีย์เวริ์ดในชื่อเพจ ไม่ได้การันตี 100%ว่าจะค้นเจอ
หรือติด SEO แต่มันช่วยให้การค้นหาผ่าน google
หรือแม้แต่ใน Facebook เอง มีโอกาสมากกว่า
ไม่มีคำคีย์เวิร์ดเลย สำหรับเพจที่ยังไม่ดังมาก
และถ้าในโพสต์ของคุณมีคำที่เป็นคีย์เวิร์ดอยู่ด้วยบ่อยๆ
หรือมีแฮชแทก # ที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย
ก็ช่วยเพิ่มโอกาสได้มากกว่าไม่มีนะคะ

ส่วนจะสั้นรึจะยาวดี พี่เมริว่าได้ทั้งสองแบบนะคะ
รวมถึงคีย์เวริ์ดที่เราใช้ในชื่อเพจด้วยบางคนใช้แบบที่เพิ่มคำเฉพาะลงไป
อย่างคำว่า มือสอง พวกนี้ก็ทำได้เลยค่ะ
อย่างลงทุนแมน พี่เมริว่าชื่อดีดี๊ คือ สั้น แต่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร
เพราะชื่อเขามีคีย์เวริ์ดในตัวเลยค่ะ

………………………………………………………………………….

3. จะเปลี่ยนชื่อดีมั้ย เปลี่ยนตอนไหนดี
พี่เมริเองก็เปลี่ยนค่ะ คนดังหลายคนก็เปลี่ยน
หรือบางคนไม่เปลี่ยนเลยก็มี คือเอาอย่างนี้นะคะ
ถ้ายังไม่ดัง หรือดังยังไม่มากแล้วอยากเปลี่ยนให้มันดีขึ้น
เปลี่ยนเลยค่ะ
เพราะถ้าดังแล้วการเปลี่ยนชื่อหรือการสร้างภาพจำใหม่
มันจะใช้เวลามากกว่า เพราะคนรับรู้ รู้จัก และคุ้นชินไปแล้ว
ดังนั้น มือใหม่ไม่ต้องกังวลนะคะ

พี่เมริอยากให้เทคนิคอีกอย่างค่ะ
อะไรที่เป็นคำเฉพาะช่วง รึแบบแฟชั่นสุดๆ
แบบชนิดที่ฮิตฮอทช่วงสั้นๆ ถ้าเลี่ยงได้พี่เมริว่า
เลี่ยงไปเลยน่าจะดีกว่าค่ะ เพราะมันอาจจะโดนในช่วงหนึ่ง
แต่อาจจะดูไม่เก๋ ไม่เท่ห์ หรือดูเอ้าท์ เมื่อช่วงเวลาเปลี่ยน
เช่น จ๊าบ เด็ดดวง
สมัยพี่เมริเป็นสาวๆ เชื่อว่าถ้า พี่เมริเอามาใช้เป็นชื่อเพจ
: พี่เมริ การตลาดสุดจ๊าบ
หรือเป็น เด็ดดวงการตลาด
คนที่เข้ามาเจอเพจพี่เมริอาจจะคิดว่า
ชื่อแบบนี้ไม่น่าจะทันโลกออนไลน์แล้วมั้ง
ดูน่าจะยังพิมพ์ดีดอยู่เลย ก็เป็นได้
………………………………………………………………………….

จริงๆชื่อยังบ่งบอก
ภาพลักษณ์และอารมณ์ความรู้สึกได้ด้วยนะคะ
อย่างเช่น ลัลล๊า Happy คิดบวก
………………………………………………………………………….

มือใหม่พอได้ไอเดียนะคะ
ย้ำอีกครั้งว่า
ไม่มีถูกไม่มีผิดค่ะ
แต่แค่อยากให้ได้เริ่มลงมือทำหรือได้ก้าวไปข้างหน้าก่อน
เพราะเมื่อเริ่มออกเดินทาง
เดี๋ยวหนทางต่างๆจะตามมาอีกเพียบค่ะ

………………………………………………………………………….

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#ตั้งชื่อเพจ
#เทคนิคการตั้งชื่อเพจ
#ตั้งชื่อเพจยังไงดี
#OnlineMarketing
#DigitalMarketing
#EasyMarketing

พี่เมริได้แนวคิดนี้มาจาก
ที ฮาร์ฟ เอคเคอร์ (T. Harv Eker)
นักเขียนในดวงใจค่ะ
จริงๆ เขาเป็นมากกว่านั้นค่ะ
เพราะเขาคือนักธุรกิจ และนักการตลาดที่เก่ง
ที่พี่เมริชอบมากๆ
………………………………………………………………..

พี่เมริอ่านซ้ำ ฟังซ้ำ และรู้สึกว่ามันโดนมากๆ
เลยอยากที่จะเอามาแชร์ ไอเดีย
………………………………………………………………..

เขาบอกว่า สิ่งนึงถ้าคุณอยากทำการตลาดให้สำเร็จ
ลูกค้าที่มีศักยภาพของคุณ หรือ กลุ่มเป้าหมายของคุณ
คือ….ผู้ซื้อที่พิสูจน์แล้ว
………………………………………………………………..

ฟังดูงงๆ นิดนึงนะคะ คือ หมายถึง
คนที่เคยซื้อของของเรา หรือ ของคู่แข่งของเรา
คนที่เคยซื้อสินค้า บริการที่ใกล้เคึยงกับของเรา
คนกลุ่มนี้ คือ กลุ่มคนที่มีศักยภาพ
เป็นกลุ่มตลาดที่น่าสนใจ และควรให้ความสำคัญ
………………………………………………………………..

ข้อดีของคนกลุ่มนี้คือ….
เราไม่ต้องเสียเวลาทำให้เขาเรียนรู้สินค้ามากนัก
(บางคนก็ใช้คำว่า Educate ตลาด)
เพราะเขาคุ้นชินและมีความต้องการสินค้า
บริการประเภทนี้อยู่
(พูดง่ายๆ คือ แทบไม่ต้องบิ้วความต้องการของเขามากนัก)
………………………………………………………………..

หน้าที่ของเรา หรือ หลักการตลาดที่สำคัญคือ
คุณต้องทำให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายกลุ่มนี้เกิดความรู้สึก
“ต้องการคุณ”

คือทำให้เขารู้สึกว่า “Why they should buy it from you”

พี่เมริว่ามันเป็นหลักการที่จริงและเจ๋งมากๆ
แต่สิ่งที่ท้าทายคือ วิธีการที่เราจะทำให้เกิดความรู้สึกแบบนั้นค่ะ
ว่า “ทำไมเขาควรซื้อกับเรา”
………………………………………………………………..

นี่เลยเป็นเหตุผลนึงที่ทำให้พี่เมริค่อนข้างสนับสนุนว่า…
การทำการตลาดไปด้วย น่าจะดีกว่าการเน้นขายเพียวๆ เพียงอย่างเดียว
เพราะมันจะช่วยขยี้ หรือ ทำให้เกิดความรู้สึกว่า…
“ทำไมเขาควรซื้อกับเรา” มากยิ่งขึ้น
………………………………………………………………..

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ขอยกตัวอย่างอย่างนี้นะคะ
คือ คนมีความต้องการใช้งานคอมพิวเตอร์ อยู่แล้วแหละ
แต่ทำไมต้องซื้อวินโดวน์ล่ะ หรือทำไม ไม่ใช้ของเจ้าอื่นๆ ?

หน้าที่ของ Mac คือ ต้องทำให้ลูกค้าที่ตัดสินใจอยากได้คอมพิวเตอร์ไปใช้ ต้องเกิดความรู้สึกว่า….
มาใช้ Mac เถอะ…เพราะว่า….
“มันเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนที่ทำกราฟฟิคไง”
เขาเริ่มจากตรงนี้ค่ะ
จนทุกวันนี้
คนที่ไมไ่ด้ทำกราฟฟิค หรือ เป็นนักออกแบบ หลายๆ คน
ก็หันมาใ้ช้ Mac

………………………………………………………………..

พี่เมริคิดว่าสำหรับมือใหม่ไอเดียนี้เอาไปปรับใช้ได้นะคะ
คือ ลองโฟกัสดูว่า…
มันจะช่องว่างตรงไหน
ที่เราจะนำเสนอ เพื่อให้เขาเกิดความรู้สึกอย่างที่ว่า…
เหมือนตัวอย่าง Mac ด้านบน
………………………………………………………………..

หรืออีกซักอย่างนึงสำหรับคนที่มีฐานลูกค้าอยู่บ้างแล้ว
การมีรีวิว ลูกค้าอ้างอิง หรือ ผลลัพธ์ของเราเอง
ก็ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือไม่น้อย
มันช่วยทำให้ภาพ “Why they should buy it from you”
หรือ “ทำไมเขาควรซื้อกับเรา” ชัดเจนมากขึ้น
………………………………………………………………..

น่าจะพอได้ไอเดียนะคะ
เอาแนวคิดนี้ ไอเดียนี้เป็นแกนกลาง
แล้วเราค่อยๆ คิดหาวิธีการอื่นๆ ให้ถึงเป้าที่เราต้องการค่ะ
เราจะได้ใช้พลังงานแบบคุ้มค่า

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#EasyMarketing
#หลักการตลาด
#จิตวิทยาการตลาด
#ทำไมเขาควรซื้อกับเรา
#MayriMarketing