#โลกออนไลน์ต้องการอะไร ?
ระหว่าง
“ทำ” ได้เยอะ กับ “จำ” ได้เยอะ
เส้นบางๆ ระหว่าง ทำกับจำ
หลายคนคงเคยได้ยิน
อายุน้อยร้อยคอร์ส
หรือบางที อายุมากก็ร้อยคอร์สเหมือนกัน

หลายคนลงทุนกับตัวเองหนักมาก
แต่ว่าไม่เคยลงมือทำซักที
ได้แต่นั่งจำวิธีอย่างนี้
แล้วเมื่อไรจะสำเร็จ ?

บนโลกออนไลน์ต้องการการลงมือทำค่ะ
และทำอย่างต่อเนื่องด้วย
นั่นคือ “ทำได้เยอะ”

แต่สำหรับเมริแล้ว การทำได้เยอะอย่างเดียวคงไม่พอ
แต่คุณควรทำให้ “ลูกค้า” หรือ “ว่าที่ลูกค้า”
“จำได้เยอะ” ด้วย

หมายถึง….
จำเราได้เยอะกว่าคนอื่นๆ หรือ คู่แข่งของเรา
เพราะถ้าคุณทำอะไรที่คนอื่นๆ เขาก็ทำ
โดยขาดเอกลักษณ์ของตัวเอง
ข้อมูลบนโลกออนไลน์หนาแน่นขนาดนี้
สิ่งยั่วยุก็ไม่น้อย
โอกาสที่ถูกลืมก็จะมีไม่น้อย

ซึ่งถ้าเมื่อไรที่คุณถูกลืม
แถมยังไม่เคยกระตุ้นลูกค้า และว่าที่ลูกค้าอีก
คุณก็จะยังไม่เข้าใกล้ยอดขายที่คุณต้องการ

เส้นบางๆ ระหว่างคนที่ลงทุนกับตัวเองแล้วสำเร็จ
คือการลงมือทำ
แต่ไม่ว่าคุณจะลงมือทำมากแค่ไหน
แต่ถ้าคุณไม่เรียนรู้ เอาไปต่อยอด
สร้างเอกลักษณ์ให้เป็นที่จดจำ หรือ แตกต่าง
หรือทำ ทำ ทำ แต่ไม่เคยวิเคราะห์ต่อ
คุณอาจจะเหนื่อยและท้อ
และอำลาวงการออนไลน์
อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลยค่ะ

ถ้าเราคิดว่ายังไงก็ต้องทำหรือหนีไม่พ้น
และเราอยากสำเร็จกับมัน
ขอให้ “ทำ” ได้เยอะ กับ “จำ” ได้เยอะ
ไปพร้อมๆ กัน
เพราะนั่นคือ สิ่งที่โลกออนไลน์ต้องการค่ะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#Mayri
#OnlineMarketing
#EasyMarketingStartedHere

#ส่งฟรีเพิ่มยอดขายได้
ฟังดูธรรมดาๆ นะคะ แหมเรื่องพื้นๆ อย่างนี้
พี่เมริไม่ต้องมาบอกหรอกค่ะ ใครๆ ก็รู้

มีเทคนิคบางอย่าง
ซึ่งเป็นหลักการตลาดแบบง่ายๆ
ที่จะช่วยให้การส่งฟรีของคุณ
#เพิ่มยอดขาย ได้ขึ้นไปอีก
แต่คุณอาจจะลืมมันไป

คุณอาจจะเคยได้ยินบางทฤษฎีบอกเราว่า
ให้รวมค่าขนส่งไปในค่าสินค้าเลย
แล้วบอกว่าส่งฟรี รับรองขายดีแน่ๆ เลย

แต่ก็ไปเจออีกทฤษฎีบอกว่า
อย่าทำแบบนั้นนะ มันจะทำให้เราดูราคาแพงกว่าคู่แข่ง
โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์
ให้บอกแค่ราคาพอ ส่วนค่าขนส่งใส่ตัวเล็กๆ
หรือค่อยบอก คนที่จะซื้อ เขาจะได้รู้สึกว่า
มันถูกกว่าคู่แข่ง
เพราะบางคนอาจจะบวกค่าส่งในใจ
หรือบางคนดูแค่ราคาก็วิ่งเข้าใส่แล้ว

โอ้ว พระเจ้าจอร์จ แล้วซาร่าจะทำยังไงดีล่ะทีนี้
ควรบวกค่าส่งไปเลย หรือ ว่าไม่บวกดี
พี่เมริให้เทคนิคอย่างนี้ค่ะ

1. ส่งฟรี เมื่อสั่งถึงขั้นต่ำที่กำหนด
เทคนิคคือ ควรบอกคำว่าส่งฟรีในรูปสินค้าไปเลย
แต่…คุณจะส่งฟรี ก็ต่อเมื่อลูกค้าสั่งถึงขึ้นต่ำ
และขั้นต่ำควรสูงกว่าราคาเฉลี่ย หรือ ยอดขายเฉลี่ยเดิมของคุณ
เช่น เมนูปกติ หรือ สินค้าของร้าน 300 บาท
แต่คุณจะส่งฟรี เมื่อสั่งครบ 400 บาท
มีแนวโน้มสูงมาก ที่ลูกค้าจะหาเมนูอื่น หรือสินค้าอื่นๆ
มาเพิ่ม เพื่อให้ได้สิทธิ์ส่งฟรี (เท่านี้คุณก็ได้ยอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว)

2. ส่งฟรี เมื่อเป็นไปตามเงื่อนไข
เทคนิคคือ ควรบอกคำว่าส่งฟรีในรูปสินค้าไปเลย อีกเช่นเดียวกัน
แต่ จะส่งฟรีให้เมื่อเข้าเงื่อนไขเท่านั้น มันอาจจะคล้ายๆ กับข้อ 1
แต่เราสามารถพลิกแพลงได้ หลายแง่มุม
เช่น เมื่อซื้อครบ 500 บาท พอลูกค้าสั่งซื้อสินค้าที่ 300 บาทอยู่
เขาก็มีแนวโน้มหาสินค้าอื่นๆ มาให้ถึง 500 บาท เช่น
สั่งของนั้น 2 ชิ้น จากเดิมที่คุณจะได้ 300 บาท กลับได้ 600 บาท

3. ส่งฟรี เมื่อสั่งคู่กับ….
ส่งฟรีเมื่อสั่งซื้อเมนูนี้คู่กับ….สินค้าหรือบริการบางอย่างที่คุณต้องการดันยอดขาย
หรือตัวที่ทำให้ดูคุ้มค่า หรือ ตัวที่มีกำไรเยอะ
เพี่อช่วยเฉลี่ยต้นทุนการส่งฟรีให้ยังคุ้มทุนของคุณอยู่

4. ส่งฟรี สำหรับลูกค้าบางกลุ่ม
เช่น ลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ เฉพาะคนที่เกิดเดือนนี้
เฉพาะคนชื่อนี้
เช่น ส่งฟรี สำหรับคนที่ชื่อ เจน-นุ่น-โบว์
มันดูเป็นกิมมิคหรือลูกเล่นเล็กๆ น้อย
และเป็นไปได้ว่า แม้ลูกค้าจะไม่ได้ชื่อเจน-นุ่น-โบว์
ก็จะขอใช้สิทธิ์ส่งฟรี เท่านี้ ลูกค้าก็มีโอกาสเลือกซื้อกับร้านเรา

และบ่อยครั้งที่การเข้าร่วมแอพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น
Lazada Shopee Grab Foodpanda LineMan
เขาอาจจะจัดโปรโมชั่นส่งฟรี ให้เลยเพียงแค่คุณร่วมรายการโปรโมชั่น
หรือไม่อย่างนั้น
ก็ลดค่าขนส่งให้ถูกลง โดยเขาเหล่านั้น ช่วยค่าขนส่งบางส่วน
เพื่อช่วยกันดันยอดขาย

พี่เมริว่ามันก็ Win-Win ทั้งสองฝ่ายนะคะ
4 เทคนิคส่งฟรีเพิ่มยอดขาย
ที่ดูเหมือนธรรมดาๆๆ
แต่มันไม่ได้เกิดจากการมโนนะคะ
เป็นหลักจิตวิทยการตลาด
ที่คุณไม่ต้องไปเสียเวลาหาอ่าน
พี่เมริเอามาเล่าและสรุปให้
เพราะเคยใช้ เคยทำ และหลายคนที่ขายดีเขาก็ทำกัน
เพียงแต่เขาไม่เคยบอกคุณ
โดยเฉพาะมือใหม่ อาจจะไม่เคยรู้

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#หลักการตลาด
#เทคนิคการเพิ่มยอดขาย
#EasyMarketing
#ขายของออนไลน์
#การตลาดออนไลน์
#ส่งฟรี

#ไม่รู้คือพลาดมาก เรื่องเล็กๆ น้อย ๆ ที่ช่วยคุณได้. หลายคนมองข้าม คือ “หน้าเกี่ยวกับ” หรือ “About” ในเพจของเรา

1. อยากเปลี่ยนชื่อเพจ ไปที่หน้านี้ได้เลยค่ะ
ถ้าไม่เปลี่ยนแบบสุดโต่งจากเดิมจนเกินไป
จะใช้เวลาขออนุมัติไม่นาน แต่ถ้าเปลี่ยนเยอะ
แนะนำให้ค่อยๆ เปลี่ยนทีละส่วน และควรเว้นระยะเวลา
ประมาณ 7 วันค่อยขอเปลี่ยนชื่อใหม่

2. อยากสร้างลิงค์เพจ หรือ ชื่อผู้ใช้งาน หรือ URL
ก็สามารถสร้างได้จากในหน้าเกี่ยวกับด้วยเหมือนกัน
แต่ชื่อผู้ใช้งานหรือ URL เพจต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น
และต้องเป็นภาษาอังกฤษ ตัวเลข หรือ จุด ตัวอักษรแปลกๆ ใช้ไม่ได้ ภาษาไทยไม่ได้ และความยาว 5-50 ตัวอักษร

3. อยากได้ลิงค์อินบ๊อกซ์
ก็มาจากหน้าเกี่ยวกับเช่นเดียวกัน ตรงสัญลักษณ์รูปอินบ๊อกซ์
Copy ตรงนั้นไปส่งให้ลูกค้า ได้เลย
หรือใครมี URL เพจ ก็ใช้วิธี m.me/URL เพจได้
แต่คิดว่าเข้ามาหาในหน้า เกี่ยวกับ จะง่ายกว่าค่ะ

4. อยากลิงค์ไปเว็บไซต์ อีเมลล์
ก็ง่ายและสะดวกสุดๆ ที่นี่ได้เลย
ใส่ข้อมูลในหน้าเกี่ยวกับ ไปตรงข้อมูลติดต่อ
เพียงเท่านี้ คนก็กดไปดูเว็บไซต์เราได้ง่ายๆ
แต่จำกัดนิดหน่อยค่ะ คือ Line YouTube ใส่ได้
และข้อมูลแสดงขึ้นมาให้ แต่มันจะไม่ยอมให้ลิงค์ไปค่ะ
(คนละค่าย ก็ต้องเข้าใจเขานิดนึงนะคะ)

5. อยากบอกว่าเป็นเพจเกี่ยวกับอะไร
ชื่อบอกแล้วแต่มันยังไม่พอ หรือ ชื่อเพจมันยังไม่สื่อ
เราสามารถเพิ่มข้อความสั้นๆ เพื่อบอกว่าเราเป็นเพจเกี่ยวกับอะไร หรือ เป็นใคร ได้ง่ายๆ ในหน้าเกี่ยวกับ เหมือนกันค่ะ
และมันจะโชว์หน้าเพจเรา ใต้รูปโปรไฟล์ ดีงามจริงๆ ค่ะ

6. อยากบอกความเป็นมา
ไปที่หน้าเกี่ยวกับ
ความเป็นมา เพิ่มเรื่องราวของเรา
คุณสามารถเพิ่มรูปภาพ คำบรรยาย ลิงค์ คำค้น สิ่งต่างๆ ที่จะช่วยให้เพจ ดูน่าเชื่อถือ ค้นหาได้ง่าย
รู้ว่าเป็นเพจเกี่ยวกับอะไร
คนก่อตั้งเป็นใคร ทีมงานเก่งแค่ไหน
หรือว่า เจ๋งแบบไหน ได้ที่นี่
แหล่งสร้างความน่าเชื่อถือ
ที่สำคัญมันฟรี แนะนำให้ใส่
(คนไม่อ่านไม่เป็นไร แต่เชื่อมั๊ยว่า…
มีบางคนเขาจะเข้ามาอ่านก่อนตัดสินใจ)

เรื่องเล็กๆ ในหน้า “เกี่ยวกับ”
หรือ “About”
เราเอามาใช้ประโยชน์ได้ง่ายๆ แบบทันทีเลยนะคะ

“แชร์” ไปบอกเพื่อนของคุณให้เขารู้
เขาจะได้เอาไปใช้ง่ายๆ กันเลยค่ะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#เปิดเพจขายของ
#เทคนิคเปิดเพจ
#OnlineMarketing
#เปลี่ยนชื่อเพจ
#วิธีสร้างเพจให้น่าเชื่อถือ

จะเปิดเพจเลยดีมั๊ย
จะแยกเพจดีรึเปล่า
เพจเก่ามีอยู่แล้ว แต่ทิ้งไปนาน ทำต่อหรือเปิดใหม่ดี
กลุ่มคนที่ตามอยู่เป็นคนละกลุ่มกันจะเปิดเพจใหม่ดีมั๊ย
เสียดายเพจเดิมคนตามเยอะ

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่า…
เมื่อไรที่เราควร แยกเพจ ตอนไหนดี
หรือเปิดเพจใหม่ดี

พี่เมริ อยากลองให้ไอเดีย 4 อย่างนี้ค่ะ

1. เช็คกลุ่มเป้าหมาย
ถ้ากลุ่มเป้าหมาย กลุ่มว่าที่ลูกค้า หรือ คนที่เราต้องการ
มีลักษณะใกล้เคียงกัน ลิงค์กันได้ หรือ เชื่อมโยงกับเพจเดิม
ไม่จำเป็นต้องเปิดเพจใหม่ ต่อยอดจากเพจเดิมได้

2. ถามความตั้งใจของเรา
ถ้าเพจที่เราจะเปิดใหม่ มีเป้าหมายที่ชัดเจน
เช่น สร้างรายได้ ทำตามความฝัน
แม้จะต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นก็ยินดี หรือ
ทำแล้วมีความสุข สนุก เปิดอีกเพจได้เลย

3. ต่างจากเดิมเยอะมั๊ย
ถ้าเป็นเพจที่คล้ายๆ กัน
ไม่ต้องใช้พลังมากกว่าเดิมเท่าไร
บางคนเปิดหลายเพจ เพื่อดักไว้
บางคนใช้วิธีปั้นเพจเดียวให้โต
อันนี้เลือกได้ตามความถนัด
เพราะมันใช้พลังงานจากเดิมไม่เยอะ
แต่ถ้าต่างกันมากๆ ให้คิดซะว่า
เราต้องดูแลลูกอีกคน เราไหวมั๊ย?

4. มองช่องทางอื่นๆ
ถ้าเพจคือช่องทางหลัก ที่กลุ่มเป้าหมายเราอยู่
ก็สามารถทำได้ จะเปิดกี่เพจก็ได้เท่าที่เราไหว
แต่ถ้ากลุ่มเป้าหมายเราอยู่ในช่องทางอื่นๆ
เช่น IG TikTok Youtube
ลองเพิ่มช่องทางอื่น นอกจากเพจด้วยก็ดีค่ะ

ถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้
“แชร์” ไว้ใช้ได้เลยนะคะ

#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#OnlineMarketing
#เปิดเพจ
#เฟสบุค
#Fanpage
#SocialMedia
#Facebook

คุณทำอะไรเพียงง่ายๆ หรือเป็นเรื่องเล็กน้อยๆแต่กลับได้ผลลัพธ์แบบตรงกันข้าม

.หลายคนที่เปิดเพจมานานแล้ว ไม่เคยทำ หรือกลับมองข้ามไป เพราะไม่เชื่อว่ามันจะได้ผล.มือใหม่หลายคนไม่เคยรู้ว่า มันทำได้ด้วยเหรอ.
พี่เมริอยากจะมาแชร์ 3 เทคนิคง่ายๆแต่จะช่วยให้เพจคุณขายได้มากขึ้นมันอาจจะดูเป็นหลักการธรรมดาๆ หรือเรื่องพื้นๆ ที่คุณรู้ว่า “มี”แต่คุณไม่เคยใช้มัน ในแง่ที่เอามาช่วยเพิ่มรายได้หรือพูดง่ายๆ ไม่เคยใช้มันมาทำการตลาดนั่นแหละ

1. การปักหมุดไว้บนสุดของเพจดูเป็นเรื่องธรรมดา และทำได้ภายใน 3 คลิกแต่พลังของมัน กลับสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดีคุณลองไปสังเกตเพจหลายๆ เพจ. #มือโปรเขาใช้โพสต์นี้แทนการยิงแอดเขาจะใช้การรวมเนื้อหาที่น่าสนใจ

เช่น แจก 40 เทคนิคทำคลิปวีดีโอ 30 วิธีปิดการขาย ทำเป็นลิงค์ไว้ในโพสต์ๆนึงแล้วก็ปักมันไว้ด้านบนสุดของเพจยิ่งถ้าโพสต์นั้นเกิดการแชร์ ความน่าเชื่อถือ ก็ยิ่งมีมาก คนก็จะยิ่งแชร์มาก พี่เมริเรียกว่า “โพสต์เรียกแขก”
คุณลองคิดดูนะคะ เปิดมาในเพจ ก็เจอโพสต์แรกที่คนแชร์ไปแล้ว 100 กว่าครั้ง มันน่าประทับใจตั้งแต่ก้าวขาเข้ามามั๊ยล่ะ ?

กลับสร้างความน่าเชื่อถือได้เป็นอย่างดีคุณลองไปสังเกตเพจหลายๆ เพจ
#มือโปรเขาใช้โพสต์นี้แทนการยิงแอดเขาจะใช้การรวมเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น แจก 40 เทคนิคทำคลิปวีดีโอ 30 วิธีปิดการขาย ทำเป็นลิงค์ไว้ในโพสต์ๆนึงแล้วก็ปักมันไว้ด้านบนสุดของเพจยิ่งถ้าโพสต์นั้นเกิดการแชร์ ความน่าเชื่อถือ ก็ยิ่งมีมาก คนก็จะยิ่งแชร์มาก พี่เมริเรียกว่า “โพสต์เรียกแขก”
คุณลองคิดดูนะคะ เปิดมาในเพจ ก็เจอโพสต์แรกที่คนแชร์ไปแล้ว 100 กว่าครั้ง มันน่าประทับใจตั้งแต่ก้าวขาเข้ามามั๊ยล่ะ ?

 
2. กำหนดเวลาโพสต์ล่วงหน้า
อีกหนึ่งเรื่องธรรมดา แต่สร้างยอดขายและเป็นเครื่องมือ ทำการตลาดอย่างดี ทั้งในแง่ ของความสม่ำเสมอ
เช่น คุณตั้งเวลาโพสต์เวลาเดิม ทุกวันๆทำให้ฐานแฟนคลับรอคอยที่จะติดตาม
 
หรือ วันที่ไอเดียคุณพุ่งพล่าน คุณทำคอนเทนต์เก็บไว้. เชื่อมั๊ยคะ คุณยังมีเวลาเอาไปเกลาให้คมขึ้นได้อีก
หรือแม้แต่ในแง่ของคนอ่าน มันจะมีพลังมากกว่าวันที่หัวคุณตันๆ พลังของคอนเทนต์ต่างกัน
รวมถึง การสร้างเรื่องราวต่อเนื้อง สอดคล้องกับสิ่งที่คุณต้องการขาย คุณสามารถวางแผนคอนเทนต์หน้าเพจ
ให้ต่อเนื้อง ร้อยเรียงเป็นเรื่องเดียวกัน บิ้วอารมณ์คนตาม
ก่อนสินค้าจะออก พูดง่ายๆ วอร์มฐานแฟนของคุณ
 
#เป็นเหมือนเซลล์เพจ #แต่คุณแบ่งย่อยๆ มันออกมา
ไม่ได้ทำในหน้าเดียว ระหว่างคนที่บิ้วมาเรื่อยๆ กับคนไม่บิ้วอะไรเลย โอกาสความอุ่นของว่าที่ลูกค้าก็ต่างกันค่ะ

 
3. แท็กสินค้า
 
ในโพสต์ 1 โพสต์ คุณสามารถแท็กสินค้าได้ด้วย จะเยอะจะน้อย ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่คุณต้องการ
เช่น คุณต้องการขายเป็นเซท โนโพสต์ 1 โพสต์นี้. คุณก็แท็กสินค้าไปเป็นซีรียส์เดียวกันซัก 3 ชิ้น
(ทางเฟสบุคแนะนำ แท็กสินค้า 1 โพสต์ ไม่ควรเกิน 5 ชิ้น)
 
ระหว่างคุณให้เขาไปดูสินค้าเองในร้านค้า กับคุณจัดสรรวางไว้ตรงหน้ามาให้แล้ว แถมบางคนจัดเป็นเซทไม่ได้แค่ชิ้นเดียว
โอกาสที่ลูกค้าจะสั่งซื้อแบบนี้จะง่ายกว่า. เพราะข้อมูลมันพร้อมเสริ์ฟ มันพร้อมโดนให้ควัก
 
#ถ้าเขากำลังต้องการคุณต้องพร้อมเสริ์ฟ นี่คือประโยชน์ของการแท็กสินค้าในโพสต์

 

และที่สำคัญ มันไม่ได้ทำให้คุณจ่ายเงินเพิ่มเลยซักบาทเดียว
และไม่ต้องตีลังกา 36 ตลบ
มันคือ วิธีการ เครื่องมือ ที่เรียบง่าย ที่เฟสบุคให้มา
เพียงแต่ว่า…
ไม่มีใครมาขยี้ให้คุณเห็นความสำคัญ
หรือเอาไปประยุกต์ใช้แค่นั้นเองค่ะ
 
#พี่เมริ
#การตลาดเข้าใจง่าย
#เทคนิคสร้างเพจให้ทำเงิน
#เทคนิคการตลาด
#เทคนิคเพิ่มยอดขาย
#OnlineMarketing
#เปิดเพจ