พื้นฐาน หลักการตลาด การตลาดออนไลน์ พฤติกรรมผู้บริโภค Customer Behavior การตัดสินใจซื้อ กระบวนการตัดสินใจซื้อ พฤติกรรมลูกค้า การซื้อของออนไลน์ การซื้อขาย การตลาด ทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ที่นี่ พร้อมตัวอย่างประกอบจากธุรกิจจริง

เทคนิคง่ายๆ ที่หลายคนมองข้าม แต่ได้ยอดกลับมามหาศาล

เพื่อนๆ มือลั่นกันมั๊ยคะ กับโปรโมชั่น 4.4หรือโปรโมชั่นอื่นๆ ที่ผ่านมา!!

ใครหมดตังค์ไปเยอะ อย่าลืมเก็บไอเดียการตลาดเจ๋งๆ มาต่อยอดกับธุรกิจของเราด้วยนะคะ

พี่เมริแอบแกะเทคนิคที่หลายแบรนด์เขาใช้และก็ได้ผลมาฝาก

บอกก่อนเลยนะคะว่า มันเรียบง่ายมาก เพราะมันเรียบง่ายมากนี่แหละค่ะ มันเลยถูกมองข้ามไปอย่างไม่น่าเชื่อ!!

เคล็ดลับที่ว่าก็คือ “การบอร์ดแคสต์ซ้ำผ่าน LINE OA ก่อนจะหมดโปร”

ช่ายค่ะ นี่คือเคล็ดลับของพี่ที่สำเร็จเขาเอามาเล่าให้ฟัง และพี่เมริก็แกะรอยตัวเอง

ว่าที่ผ่านมาฉันควักกระเป๋าจ่ายเงินกับอะไรไป พี่เมริจะเล่าเบื้องหลังให้ฟังแบบนี้นะคะ

คนส่วนใหญ่ มักจะแจ้งเมื่อจัดโปรโมชั่น แต่บางครั้งอาจจะลืมย้ำว่า โปรกำลังจะหมด

อย่างน้อย หากทำชั้นตอนนี้ซ้ำคุณจะได้กลุ่มคนที่ตั้งใจจะซื้อ

แต่ลืมโอนเพราะโดนถูกขัดจังหวะหรือกลุ่มคนที่กำลังลังเลว่า เอาไงดีจะมีโอกาสได้ทักมา

ทำให้อารมณ์โปรค้างๆที่ถูกลืมไป ผันกลับมาเป็นยอดขายได้

Key หลักของการบอร์ดแคสต์ซ้ำ ที่หลายๆคนมักพลาดคือ

1. ลืมทำขั้นตอนนี้ หรือ ลืมคิดเผื่อวางแผนข้อความ

(แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ถ้าหมดก็ซื้อข้อความส่วนเกินได้)

2. การดีไซน์ คำพูด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทัก หรือ Call To Action

เบื้องหลังคือ เราต้องเลือกคำพูดที่ไม่ดู ฮาร์ดคอร์จนเกินไป

หรือทำให้เป็นคำถาม คำพูด ในลักษณะปลายเปิด

เพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ลืม ที่เคยปฏิเสธ หรือที่เคยลังเลทักมา…เช่น

“หากสนใจทักกลับมานะครับ”

“ยังอยากรับโปรทักบอกแอดมินได้นะ”เ

พราะคนที่เขาอยากได้มีโอกาสที่จะทักมาไม่ต้องไปขู่เขา ว่าเอาหรือไม่เอาให้ทักมาบอก.

(จิตวิทยาเบื้องหลังคือ…ผู้บริโภคมีความเป็น Ego หากปฏิเสธแล้วว่าไม่ แต่อยากได้ อาจจะ Ego ไม่กล้าทักมาได้ ใช้แนว Softๆ จะได้ผลดีกว่าในขั้นตอนนี้)

3. ความถี่ในการบอร์ดแคสต์

อันนี้ขึ้นอยู่การวางแผนและจำนวนข้อความที่เหลือนะคะ เช่น

บางคน กำหนดเป็น 1 วัน 6 ชั่วโมงสุดท้าย 3 ชั่วโมงสุดท้าย เป็นต้น

และในส่วนนี้ ถ้าเราและทีมมีการติดแท็กแยกคนที่ซื้อออกไปแล้ว

จะช่วยไม่ให้เปลืองข้อความบอร์ดแคสต์หรือสร้างความรำคาญได้ค่ะ

(อย่างที่ไปบอกไป คือ การดีไซน์คำพูดในข้อ 2 ช่วยให้เกิดความรู้สีกแตกต่างกันได้ค่ะ)

มันอาจจะดูเรียบง่ายและธรรมดามากๆ นะคะ กับการบอร์ดแคสต์ซ้ำว่า

“โปรโมชั่นกำลังใกล้จะหมด”

แต่การตลาดที่ดีมันไม่ได้หมายถึง “การต้องใช้ท่ายาก” เสมอไป

แต่มันคือ การได้ผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ

ครั้งหน้า เพื่อนๆ ลองเอาเทคนิคง่ายๆ แบบนี้ไปใช้ดูนะคะ

ใช้แล้วได้ผลเป็นยังไง ลองฟีคแบคกลับมาบอกบ้างนะคะ

#พี่เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #ออนไลน์มือใหม่ #Promotion #Marketing

วิธีเปลี่ยนสกุลเงินในร้านค้าเพจ ทำยังไง

อยากเปลี่ยนสกุลเงิน จาก USD เป็น THB ครับ ร้านค้า facebook ครับ ช่วยด้วยครับ

ตอนแรกลงสินค้าใน เฟสบุคเพจ ก็เป็นเงินไทยอยู่ดีๆ แต่ทำไมตอนนี้มันเป็น USD.

เปลี่ยนสกุลเงิน facebook shop ง่ายๆ ใน 1 นาที ดูคลิปนี้เลยค่ะ

พี่เมริพาไปดูวิธีแก้ราคาสินค้าใน Facebook เพจ

ที่เราไปลงไว้ในร้านค้า ให้เปลี่ยนเป็นเงินบาทกัน

เพราะ “ถ้ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของคุณ เป็นคนไทย พี่เมริแนะนำให้เปลี่ยนค่ะ”

เขาจะได้ไม่งง คิดตามง่ายๆ ไม่ต้องตีหลังกาเปลี่ยนค่าเงินก่อนตัดสินใจ

ไปดูวิธีการเปลี่ยนสกุลเงิน เปลี่ยนราคา สินค้าในร้านค้าเพจ Facebook จาก USD เป็น เงินบาท

แบบจับมือทำ Step by Step ง่ายๆ กันเลยค่ะ

อยากรู้เรื่องไหนคอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ ถ้ามีประโยชน์ “แชร์วนไปจ๊ะ”

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่ FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

Tiktok : Marketing Mayri ลิงค์นี้เลยค่ะ https://vt.tiktok.com/ZSeyCLQDU/

#พี่เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #ออนไลน์มือใหม่ #ลงสินค้าในเพจร้านค้า #เปลี่ยนสกุลเงินสินค้าในFacebookPage

เทรนด์การขายของ & เทรนด์การตลาด & เทรนด์สร้างรายได้ ออนไลน์ ปี 2022

ไลฟ์สด ย้อนหลังจากเพจ “Marketing Mayri การตลาดเข้าใจง่าย”

พี่เมริเอา เทรนด์การขายของออนไลน์ 2022 ที่ไม่อยากให้พลาด โดยเฉพาะมือใหม่ที่มุ่งมั่นเอาจริง

มารู้เทรนด์ เห็นโอกาส เตรียมตัว ทำออนไลน์ให้มีรายได้ ให้มีฐานแฟนกันค่ะ

พลาดแล้วจะเสียดายพูดเลย ใครไม่ได้ดู พี่เมริเอาไลฟ์สดมารีรัน กันที่นี่ค่ะ

#เทรนด์การขายของออนไลน์2022

#เทรนด์การตลาด2022

#พี่เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย

#ออนไลน์มือใหม่ #ไลฟ์สด

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่ FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Tiktok : Marketing Mayri

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

พี่เมริลองลิสต์มาคร่าวๆ สำหรับใหม่ที่ยังขายไม่ได้เช็คดูนะคะ

ว่าเราติดตรงไหนถ้าเราเริ่มจากว่า “เรารู้ว่า…เราไม่รู้อะไร”

ก็แก้ที่ตรงนั้นเอาปากกามาวงดูค่ะ ว่าเราเข้าข่ายไหน #เอาปากกาวง

แต่ก็อาจจะมีที่ “เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร”

เลยไม่รู้ว่าจะต้องปรับแก้ที่ตรงไหนไม่เป็นไรจ้า แก้ตรงที่เรารู้ก่อนก็ได้นะ ไปเอาปากกามาวงดูแล้วเรียนรู้เพิ่ม

หรือขยายตัวเองออกไปเราจะเริ่มรู้ว่าเรายังไม่รู้อะไร

เช็คดูคร่าวๆ กันเลยค่ะ ว่าขายออนไลน์ไม่ได้เลยเพราะอะไร

พี่เมริรวมไว้ 10 เช็คลิสต์ค่ะ สำหรับมือใหม่ที่ยังขายออนไลน์ไม่ได้เลย

รูปภาพไม่โดนใจ =>รูปสร้างแบรนด์กับรูปขาย ไม่เหมือนกันนะ

รูปภาพไม่โดนใจ

รูปสร้างแบรนด์กับรูปขาย ไม่เหมือนกันนะ รูปภาพที่ขายได้ อาจไม่จำเป็นต้องสวย แต่ต้องสื่อ เช่น บอกโปรโมชั่น หรือ รูปภาพที่ดูเรียล ไม่แต่งภาพจนเว่อร์วังค่ะ หรือสีสันมันต้องเด้งออกมา โดยเฉพาะข้อความที่ต้องการสื่อ

พาดหัวไม่เร้าใจ =>ไม่ได้ขึ้นด้วยปัญหา หรือ สิ่งที่ลูกค้าต้องการ

พาดหัวไม่เร้าใจ

ไม่ได้ขึ้นด้วยปัญหา หรือ สิ่งที่ลูกค้าต้องการ บางสินค้า/บริการ ที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว สามารถขึ้นต้นด้วยราคาหรือโปรโมชั่นได้เลยค่ะ แต่บางอย่างต้องขึ้นด้วยแบบอื่น อ่านเพิ่มเติมได้ที่ “เทคนิคทำคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อ”

ราคาสูงเกินไป

ราคาสูงเกินไป

ถ้าของไม่มีอะไรต่าง เหมือนกันเกือบคล้ายแกะขายแพงมาก ก็ช่ายจะขายได้นะ

ราคาถูกเกินไป

คิดไปเองรึเปล่า บางอย่างถูกไปก็ดูน่ากลัวนะ เช่น ยา เครื่องสำอาง บางทีถูกเกินเราก็กลัวของปลอม จริงมั๊ยถ้าของต่าง แก้ปัญหาได้ ราคาแพงได้จ๊ะ

ไม่มีอารมณ์จูงใจ

ไม่มีอารมณ์จูงใจ

เขียนแต่สรรพคุณของสินค้า ไม่มีอารมณ์อะไรให้อยากซื้อ คนตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์ แล้วหาเหตุผลมาประกอบนะคะ

อารมณ์จูงใจมีหลายอย่าง เช่น อารมณ์กลัว อารมณ์อยากเป็นที่รัก อยากได้ความภาคภูมิใจ

ขายคนผิดกลุ่ม

ขายคนผิดกลุ่ม

ขายของให้กับคนที่ไม่มีอำนาจซื้อ แก้ได้ด้วยการเพิ่มอำนาจซื้อ เช่น ผ่อนบัตร

หรือลองเช็คกลุ่มเป้าหมายอีกที คนใช้กับคนที่จ่ายเงิน มีอำนาจซื้อบางทีอาจจะคนละคนกัน เช่น ขายสินค้าเด็ก พ่อแม่คือคนที่มีอำนาจซื้อค่ะ เพียงแต่ บางทีตัวเด็กเองก็จะมีอิทธิพลกระตุ้นพ่อแม่ได้ แต่เด็กที่ว่าคือ สื่อสารได้แล้วนะคะ ถ้ายังสื่อสารไม่ได้ มุ่งไปพ่อแม่หรือคนตัดสินใจซื้อเลยจ้าาา

สินค้า/บริการ ดูไม่น่าเชื่อถือ

สินค้า/บริการ ดูไม่น่าเชื่อถือ

ช่น รีวิวยังน้อย หรือ เครื่องสำอางถูกมากจนน่ากลัว ดูประเภทสินค้าด้วยนะคะ ของบางอย่าง มันต้องเชื่อแล้วถึงซื้อ บางทียังสร้างให้น่าเชื่อก่อนแล้วถึงขายค่ะ

ร้านดูไม่น่าเชื่อถือ

ร้านดูไม่น่าเชื่อถือ

บางคนเพิ่งเริ่มต้น ร้านอาจจะดูเหงา ดูไม่น่าเชื่อถือ

มือใหม่อย่าเพิ่งท้อทำเพจหรือคอนเทนต์ยั่วไปด้วยนะคะ จะขายผ่านช่องไหน

ก็มีเพจ มีเว็บไซต์ หรือ ช่องทางออนไลน์อื่นๆให้เขาติดต่อเราได้

หรือ ไปเช็คได้น่าไว้ใจ พอใจโอนเงินหรือสั่งซื้อได้มั๊ย หรือต้องยืนระยะซักพัก

ไม่ได้ทำการตลาด

ไม่ได้ทำการตลาด

สินค้าดี วางกับที่ เหมือนเปิดร้านในซอยตันนะจ๊ะ คนไม่เห็น ก็ขายไม่ได้จ๊ะ คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นช้างเผือกที่รอการค้นพบนะคะ ถ้าอยากขายได้

ปิดออร์เดอร์ไม่ได้

ปิดออร์เดอร์ไม่ได้

บางทีลูกค้าส่งสัญณาณว่าอยากซื้อ แต่เราตอบช้า หรือ ไม่ปิดการขายซะที ถ้าของไม่ต่างกันนี้ หนีไปที่อื่นดีกว่านะ

เอาติดที่ตรงไหน เอามาปากกามาวงอ้อ ติดตามพี่เมริไว้ด้วยนะ มีมาเล่าเพิ่มเติมแน่นวลลล

FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

#พี่เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #ออนไลน์มือใหม่ #ทำคอนเทนต์ #ContentMarketing #ขายของออนไลน์#ขายของไม่ได้

พี่คะ หนูก็เขียนตามสูตรที่เคยเรียนมาเขาบอกให้ขึ้นด้วยปัญหาของลูกค้า

เขาบอกให้ขึ้นด้วยโปรโมชั่น

ทำไม หนูยังขายไม่ได้คะ ?

พี่เมริก็เป็นคนนึงที่มีปัญหากับการเขียนคอนเทนต์ค่ะ โดยเฉพาะโพสต์ขายหรือคอนเทนต์ที่เน้นขาย แต่ตอนสมัยก่อนโชคดีอยู่อย่าง ตอนที่เริ่มขายของออนไลน์ใหม่ๆคนขายยังไม่เยอะมาก ทำไปแบบงงๆ ก็ยังขายได้ยิงแอดง่อยๆ ก็เห็นกระจาย แต่.. ณ ตอนนี้ มันต่างออกไป วิธีการหรือเทคนิคบางอย่างเลยต้องเรียนรู้เพิ่มเติม

พี่เมริขอเอาประสบการณ์ กับส่ิงที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติมมาแชร์ให้กับเพื่อนๆ ที่เป็นมือใหม่ หรือกับคนที่ติดปัญหาการทำคอนเทนต์หวังว่าจะช่วยลดเวลาในการลองผิดลองถูกและช่วยให้ได้เจอคอนเทนต์นางฟ้าที่ช่วยให้คนอยากซื้อได้ง่ายขึ้น

บอกก่อนนะคะ สุดท้ายยังไงมันก็ต้องมีการเทสตลาดเทสแอด หรือ เทสคอนเทนต์ แต่เราจะได้รู้ว่าเทสแล้วยังไงต่อหรือจะเอาตัวไหนไปเทส เขียนอันเดียวแล้วขายได้เลย เทพมากกกมือใหม่อย่าได้หวั่นไหว หรือตกใจ การเทสคือเรื่องปกติค่ะ(แต่ไม่ใช่เทสแล้วไม่รู้จะปรับตรงไหนต่อ หรือไม่รู้จะเทสอะไรนะคะ)

ไอเดียการเขียนคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อ

แบบที่น้องคนนึงทักมาถามพี่เมริแบบด้านบน เป็นวิธีที่ใช้ได้เลยค่ะว่าให้เรา

“เริ่มด้วยปัญหาของลูกค้า”บอกทางแก้ไขหรือ ผลลัพธ์

“แล้วมีราคาหรือข้อเสนอสุดห้ามใจ”

จริงๆ มันมีหลายสูตรการทำคอนเทนต์และการเขียนโพสต์ขาย

แต่คำถามคือ ทำไม หนูยังขายไม่ได้?

แก่นหลักของมันคือ “คนตัดสินใจซื้อด้วยอารมณ์”

และบ่อยครั้งมักจะหาเหตุผลมาสนับสนุน

“ให้ตัวเองรู้สึกดี”หรือ “รู้สึกคุ้ม”

คุ้มในที่นี้มันไม่ได้ต้องเป็นคุ้มในแง่ตัวเงินเสมอไปแต่มัน “คุ้มใจ” “คุ้มที่ได้ครอบครอง” ก็ได้นะคะ

พี่เมริให้ไอเดียในการทำคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อเสริมเข้าไปแบบนี้ค่ะ“รู้สึก”

ไม่ว่าจะ “รู้สึก” อะไรก็ตามนั่นแหละคือ Keyวันนี้ เราได้ใส่ “ความรู้สึก” ลงไปในคอนเทนต์ของเรารึยังคะ ?

พี่เมริหมายถึง “ตั้งแต่รูป/คลิปเลยนะ”มันสื่อความรู้สึกได้ดีมั๊ย ?

จากนั้น ตัวหนังสือ หรือ ข้อความในรูป/ในคลิป

และอันดับต่อมาคือ ในแคปชั่นหรือใตอนอธิบายรายละเอียด

มีหลายคนบอกว่า “อย่าเอาราคาขึ้นต้น หรือ อย่าเพิ่งบอกราคา”

พี่เมริพบว่า “ไม่จริงเสมอไป” ถ้าสินค้า /บริการ / แบรนด์นั้น เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว

แบบนี้อาจจะใส่ราคาหรือข้อเสนอลงไปในรูปเลยก็ได้ค่ะไม่จำเป็นต้องรอมาใส่ในโพสต์ขาย

แต่ของบางอย่างมัน ก็จะเป็นต้องอธิบายก่อน แล้วค่อยบอกราคา “เพราะยังไม่เป็นที่โด่งดังแพร่หลาย หรือเพราะมันเป็นแบรนด์ของเรา”

อย่าเพิ่งเหมาว่ามีโลโก้ หรือ มีชื่อ คือมีแบรนด์นะจ๊ะ

เราขายเอง เราคลุกคลี เราก็คิดว่ามันดี มันมีแบรนด์แต่คนอื่นๆ

โดยเฉพาะว่าที่ลูกค้า หรือ คนใหม่ๆ เขาไม่ได้อินจัดกับมันขนาดนั้นจ๊ะ

คอนเทนต์สำหรับสินค้า /บริการ กลุ่มนี้มันเลย ต้องมีคอนเทนต์ที่ทำให้เห็นปัญหา หรือ สิ่งที่เขาปรารถนา จะเป็น จะมี

พร้อมทางออกจากสิ่งที่เรานำเสนอ ณ ตรงนี้แหละ ที่พี่เมริบอกว่า “อารมณ์ความรู้สึกต้องมา”

อย่าบอกแค่คุณสมบัติ เพราะมันไม่ทัชอารมณ์ความรู้สึก

แต่ใช่ว่าจะห้ามบอกว่าคุณสมบัติมันคืออะไร แค่คีย์ที่อยากจะฝากไว้ อย่าลืมใส่อารมณ์เข้าไป

ส่วนถ้าหวังขายได้ในคอนเทนต์นั้น ทันที

ราคาและข้อเสนอโดนใจคือตัวกระตุ้นที่เร่งอารมณ์ที่เราเพิ่มเข้าไป

แต่ถ้าคอนเทนต์นั้นๆ เลี้ยงคนเอาไว้ก่อน ยังไม่ต้องใส่ไปก็ได้ค่ะ

ใส่ช่องทางให้เขาติดต่อง่าย หรือ ขอช่องทางติดเขากลับไว้ แทนได้เลยค่ะ

ที่ไล่มาทั้งหมดทั้งมวลถึงไอเดียและเทคนิคการทำคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อว่า

“อย่าลืมทำให้เขาเกิดอารมณ์” ไม่ว่าจะตั้งแต่ภาพ หรือ ข้อความก็ตาม

** เพราะโลกออนไลน์ ประสาทสัมผัสที่ขาดไป คือ การสัมผัสและลิ้นใส่ใหญ่

คือ เน้นตา กับ หู”

**จะทำให้เขาเกิดอารมณ์กับความรู้สึกว่าอยากแค่ไหน ต้องไม่ลืมคิดถึงจุดนี้ด้วยค่ะ

แต่ Key ที่ใหญ่และสำคัญไม่แพ้ เรื่อง “ทำให้เเกิดอารณ์ความรู้สึก”

คือ……“อำนาจการซื้อ”

ไม่แน่ว่า ที่คุณทำมาทั้งหมด มันอาจจะถูกต้อง ถูกทางแล้วแต่กลุ่มเป้าหมาย

“ดันไม่ใช่คนที่มีอำนาจในการซื้อ”

หรือ วิธีการจ่ายเงินของคุณ “ไม่ช่วยสนับสนุนให้เขามีอำนาจในการซื้อ” นั่นก็เป็นเรื่องที่อย่าลืมมองข้ามนะคะ

  • การเก็บเงินปลายทาง
  • การผ่อนชำระ
  • การจ่ายผ่านบัตรเครดิต
  • การให้มัดจำก่อน
  • การให้ไปทดลอง

ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นหนึ่งในวิธี ที่ช่วยเพิ่มอำนาจการซื้อ หรือเพิ่มความรู้สึกของการได้เป็นเจ้าของมากขึ้น

ลองเอาไปปรับใช้ควบคู่กับไอเดียทำคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อได้นะคะ

มือใหม่ทั้งหลายได้ไอเดียนะคะ

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่ FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

#พี่เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #ออนไลน์มือใหม่ #ทำคอนเทนต์ #ContentMarketing #ไอเดียทำคอนเทนต์ #เทคนิคทำคอนเทนต์ให้คนอยากซื้อ

2Pisit Kamkul และ อีก 1 คนแชร์ 1 ครั้งถูกใจแสดงความคิดเห็นแชร์

ทำออนไลน์ “คิดว่าจะง่าย”แต่สุดท้ายก็……….

คำตอบของคุณเป็นยังไงกันบ้างคะ หลังจากที่ลองขึ้นมาทำออนไลน์กันจริงจังๆโดยเฉพาะมือใหม่ หรือใครที่คิดว่า ตัวเองไม่เก่งเทคโลยีทำออนไลน์ คิดว่าจะง่ายแต่สุดท้ายก็ “ง่าย”เหมือนอย่างที่คิดรึเปล่าคะ หรือว่า ยากssss เดิม S ไป. 48 ตัว

สำหรับพี่เมริเองแล้ว รู้สึกแบบนี้ค่ะตอนเริ่ม “ง่ายค่ะ”เปิดเพจแป๊บเดียวเองเปิดช่องยูทูปก็แป๊บเดียวเปิด LINE OA ก็แป๊บเดียวทำเว็บไซต์ อันนี้ใช้เวลานานหน่อย

แต่!!! พอทำไปแล้วซักพักนี่แหละค่ะ ก็พบความจริงที่ว่า ….

“เราหยุดอยู่กับที่ไม่ได้เลย”มีส่ิงที่ต้องเรียนรู้เยอะมากกกก เช่น พอเปิดเพจเสร็จต้องทำรูปสวยๆ หรือ ทำโพสต์ยังไงให้ดึงดูด ?ทำคอนเทนต์แบบไหนดี คนถึงจะอยากซื้อ คอมเม้นท์หรือแชร์ออกไป ?คิดไม่ออก คอนเทนต์ตัน มันไม่รู้จะเขียนอะไรยิงแอด ต้องไปปรับตรงไหน อุ๊ย แอดไม่ผ่าน ติดต่อใครล่ะทีนี้ แก้ยังไงดีทำคลิปไปแล้วคนไม่ดู อันนี้คลิปไม่โอ หน้ามืด หน้าซีด หลายสิ่งมีคนทักมา สนใจ แต่ไม่ซื้อ เป็นเพราะอะไรและอีกหลายเหตุการณ์บนโลกความจริงที่ได้เจอเมื่อทำออนไลน์อย่างจริงจัง

ใครเป็นแบบเดียวกัน หรือ รู้สึกแบบนี้ มาแชร์กันใต้โพสต์นี้นะคะ จะได้เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆเพราะสิ่งที่พี่เมริอยากจะบอกคือ…..“มันเป็นเรื่องปกติ ที่เราต้องเจอ”จะว่ายากมั๊ย ก็ไม่ถึงกับยากนะคะ“เพราะมันเรียนรู้ได้”ถ้าอันนไหน ที่ยังไม่พร้อมแต่ต้องใช้ ก็จ้างเขาค่ะแต่สิ่งที่พี่เมริได้เรียนรู้ และอยากจะแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ทั้งหลายหรือคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เก่งเทคโนโลยีหรือกำลังติดปัญหาอย่างเดียวกัน

ก่อนอื่น คือ ตั้งสติ อย่าเพิ่งตกใจจนเราลน หรือ เอ่อล้นว่า…“โอ๊ยยย เยอะแยะไปหมด ตามไม่ทัน”แล้วก็ล้มเลิกไป

ประเด็นคือ วันนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นมาอยู่บนโลกออนไลน์แล้วคนเขาเจอคุณง่ายมั๊ยคะ ?แล้วคนที่ทำธุรกิจเดียวกับคุณ เขาหาง่ายกว่ามั๊ยคะ หรือมีโอกาสถูกเจอง่ายกว่ามั๊ยคะ?ถ้าสินค้าหรือบริการของคุณไม่ได้ เฉพาะมากๆๆ หรือมีคุณคนเดียวที่ทำได้ต้องคุณเท่านั้นไม่ว่าไกลแสนไกล หรือ ถามใครๆ ก็บอกได้ว่า “คุณอยู่นี่นะ”ใน OTO2021 เรียกสิ่งที่นี้ว่า ZMOT พี่เมริพูดได้ว่า “ออนไลน์สำคัญมากกกกก” อยากจะเติม ก. ไปอีก 47 ตัวกันเลยทีเดียว

ดังนั้น….“ไม่ว่าวันนี้คำตอบของคุณ”กับคำถามที่ว่าทำออนไลน์ “คิดว่าจะง่าย”แต่สุดท้ายก็……….

ง่ายหรือยากแต่ถ้าคำตอบสุดท้าย“มันต้องทำ” เพราะมันคือ ช่องทางรายได้หรือความอยู่รอดหรืออนาคตของคุณก็ไม่เหตุผลใดๆ ที่เราต้องล้มเลิกไปค่ะ

แต่เราเพียงต้องปรับวิธีคิด วิธีการ และรับมือถ้าเรารู้สึกว่า มันเยอะไป เรียนรู้ไม่ไหว“ก็แบ่งเป็นส่วนๆ เรียนรู้ให้ทำได้ ให้ได้เริ่มไปก่อนก็ได้ค่ะไม่ต้องเก่งหรือแอดว๊านซ์ทั้งหมดไปซะทีเดียว”คุณจะปีนหิมาลัยให้ไปถึงยอดเขาในวันเดียวได้อย่างไร ?การขึ้นมาทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ก็แบบเดียกันค่ะ(**ถึงแม้คุณจะไม่ได้ทำออนไลน์ 100% ก็ตาม)

จ้างคนอื่นทำบ้าง ตัดมันออกไปบ้าง วางเป็นแผนที่ต้องทำในวันข้างหน้าบ้างศึกษาและเรียนรู้เพิ่มเติมคุณจะค่อยๆ ขยับเก่งขึ้น เก่งขึ้นยังไงมันก็ก้าวหน้ากว่าเดิมอยู่แล้วค่ะ

Brian Tracy บอกเอาไว้ในหนังสือ “กินกบตัวนั้นซะ”: Eat that frog!!“ระบุข้อจำกัด ทั้งภายในและภายนอก ทำไมฉันไม่ถึงเป้าหมายของฉันซักทีอะไรที่คอยฉุดรั้งฉันไว้”ไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร ให้ลงมือทำกับมันทันทีทำอะไรซักอย่าง อะไรก็ได้ ขอแค่เริ่มทำเดี๋ยวนี้เลย

และเช่นเดียวกันค่ะไม่ว่าคำตอบสุดท้ายของคุณจะเป็นยังไงทำออนไลน์ “คิดว่าจะง่าย”แต่สุดท้ายก็……….

ถ้ามันสำคัญสำหรับคุณจงลงมือทำกับมันทันทีทำอะไรซักอย่าง อะไรก็ได้ขอแค่เริ่มเดี๋ยวนี้เลยแล้วคุณจะพบคำตอบและประตูบานถัดไปจะรอคุณอยู่

ถ้ามีประโยชน์ “แชร์ได้เลยคร่าาาา”

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

YouTube: https://bit.ly/3bgEy5j

#พี่เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #ZMOT #เริ่มต้นแบบมือใหม่ขายได้แบบมือโปร #ธุรกิจออนไลน์ #ขายของออนไลน์ #การตลาด #คอนเทนต์ #Content #มือใหม่หัดขายออนไลน์

ไม่ต้องถ่ายรูปสินค้าของตัวเองก็ทำคอนเทนต์ได้

บร้า เธอพูดอะไรของเธอนี่พี่เมริไม่ถ่ายรูปสินค้า แล้วจะเอารูปไหนมาทำคอนเทนต์ล่ะ ?

แล้วจะขายอะไรมิทราบ ชิชิ!! (เบะปาก ตามองบน)

พี่เมริขอเล่าให้ฟังแบบนี้นะคะถ้าทุกวันนี้คุณเอาแต่ขาย ขาย ขาย แล้วก็ขาย

“คุณจะรอดตายได้ เมื่อคุณยิงแอดเป็น”จริงหรือจริงคะ ? สายยิงแอดเข้าใจเรื่องนี้ดี

แต่สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ โดยเฉพาะคนที่ขาดหัวศิลป์ไม่อินกับเทคโนโลยี ไม่มีความครีเอทในการถ่ายรูปเงินยิงแอดก็กระจ้อยร่อย ไม่มีเวลาไปฝึกปรือฝีมือตัดต่อในโฟโต้ช้อปมาฟังทางออกกับพี่เมริค่ะ

คอนเทนต์ Content หรือ สาร ที่เราสื่อไปถึงกลุ่มเป้าหมาย

มีหลายรูปแบบมากๆ เลยค่ะไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือล้วนๆวีดีโอ เสียง รูปภาพ หรือแบบผสมผสาน

หน้าที่ของ Content ก็มีหลายอย่างตั้งแต่

  • ทำให้ “เขารู้จัก”
  • ทำให้ “เขาชอบ”
  • ทำให้ “เขาเชื่อใจ”
  • ทำให้ “เขามีส่วนร่วม”
  • ทำให้ “เขาจำ”
  • ทำให้ “เกิดยอดขาย” (ทางทั้งตรงและทางอ้อม)=> บางคนก็เรียกแยกสิ่งนี้ออกไปอีกศาสตร์นึงเลย คือ “โพสต์ขาย”

พอจะเห็นภาพมั๊ยคะ ว่าในความเป็นจริงแล้ว คุณยังจำเป็นต้องทำ Content ในรูปแบบอื่นๆอีกมากมายซึ่งนั่นก็หมายความว่า……

บางโพสต์​ที่คุณจะเอามาใช้ หรือ คอนเทนต์บางอย่าง“ไม่จำเป็นต้องใช้รูปสินค้าเลย”

ดังนั้น ตัดข้ออ้างออกไปก่อนเรื่อง #ถ่ายรูปไม่สวย #ถ่ายรูปไม่เป็น เลยทำให้ไม่มีคอนเทนต์เอาไปโพสต์ใครติดปัญหาเรื่องคิดคอนเทนต์ไม่ออก

พี่เมริรวม 10 แหล่งหาไอเดียทำคอนเทนต์มาให้แล้วที่โพสต์นี้นะคะ https://bit.ly/3dCMwrf

สำหรับใครที่อยากทำโพสต์สวยๆ และใช้แรงน้อยๆความครีเอทไม่เยอะและลดความกังวลเรื่องรูปผิดลิขสิทธิ์พี่เมริแนะนำเครื่องมือที่ชื่อว่า..Canva กับ Over นะคะ

ก่อนจบโพสน์นี้ไปลองกลับไปลิสต์ดูนะคะว่า…

เรายังขาด คอนเทนต์ประเภทไหนหรือยังมีคอนเทนต์แบบไหนบ้างที่เราทำได้ “โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีรูปถ่ายสินค้า”เพื่อให้คุณได้ลงมือทำ และเดินไปข้างหน้าโดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ที่ “Content ยังคงเป็น ราชา อยู่ จนถึงทุกวันนี้”

เห็นทางออกกันแล้วนะคะว่า… “ไม่ต้องถ่ายรูปสินค้าของตัวเอง ก็ทำคอนเทนต์ได้”

ถ้ามีประโยชน์ “แชร์ได้เลยค่ะ”

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

#เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #การตลาดออนไลน์ #แอพทำรูปฟรี #ทำโพสต์สวยๆ #Content #Canva #เทคนิคทำโพสต์สวยๆ #วิธีทำรูปสวยๆ #แอพแต่งรูป

พี่เมริเชื่อว่า…คนที่ทำธุรกิจส่วนตัว โดยเฉพาะคนที่เพิ่งเริ่มต้น หรือ แบบทำเองเล็กๆ ต้องเคยเจอปัญหานี้ค่ะ คือ…“ไม่มีลูกค้า” หรือ “ไม่มีเวลา” หรือที่แย่กว่านั้นคือ “ไม่มีทั้งลูกค้าและไม่มีทั้งเวลา” เอะมันจะเป็นได้ยังไง ไปดูสาเหตุกันค่ะ

คือ…”คุณไม่ได้มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนใช่รึเปล่า”

ใครก็ได้ ใครก็เอา ทำให้คุณต้องเอาใจทุกคนและยิ่งถ้าคุณทำงานเองทั้งหมดคนเดียวหรือมีทีมเล็กๆ ทำกับเพื่อน กับน้อง กับญาติๆถ้าเป็นแบบนี้ เรื่องเวลาคุณอาจจะไม่พอหรือต้องเจอลูกค้าที่ ชวนปวดหัวอยู่ไม่น้อยแอร๊ยๆๆๆ ทำไม ยิ่งทำ ยิ่งเหนื่อย แต่ไม่เห็นกำไรหรือมีเงินแต่ไม่ได้ใช้ หรือไม่ก็ ไม่เหลือทั้งเงินทั้งเวลามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า พี่เมริเคยฟังเรื่องกลยุทธ์ฟักทองจาก iClass ตอนนั้นรู้สึกตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะ เลยไปค้นหาต่อ จนได้ไปเจอหนังสือThe Pumpkin plan ของ Milke Michalowicz (ฉบับแปลไทยก็มีขายนะคะของ สำนักพิมพ์ we learn)มันมีแก่นหลายอย่างที่ดี และเปิดมุมมองมากๆแถมพี่เมริว่าเราก็เอามาประยุกต์ใช้บน Online ได้นี่นา ยิ่งคุณเริ่มต้นใหม่ๆ หรือ ทีมงานไม่มี (หรือมีน้อยมาก) ลองอ่าน 3เทคนิคเพิ่มยอดขาย ได้ลูกค้าชั้นดี

พี่เมริเอาแก่นหลัก แนวคิด + วิธีประยุกต์สำหรับมือใหม่เริ่มต้นขาย และทำการตลาดออนไลน์มาฝากสรุปสไตล์พี่เมริเป็น 3 ข้อหลักนี้ค่ะ

ยาวนะคะ แต่ถ้าคุณอ่านจนจบ คุณได้ไอเดียดีๆ กลับไปแน่นอนพี่เมริ ช็อตคัทมาให้แล้ว

Key คือ..ถ้าคุณอยากได้ลูกค้าชั้นดี (สร้างยอดขายให้กับคุณโดยที่คุณไม่ปวดหัว หรือ ลูกค้าแบบที่คุณใฝ่ฝัน บางคนเรียกว่า Dream Customer) คุณต้องคัดเลือกและมีวิธีการจัดการที่แตกต่างออกไปประเด็นคือ ไม่ได้หมายถึงว่า..เราทิ้งลูกค้ารายอื่นๆเพียงแต่เราต้องใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป สำหรับการดูแลลูกค้าชั้นดี หรือ ลูกค้าที่เราอยากพัฒนาให้เขาให้กลายเป็นลูกค้าขาประจำดีๆ ของเรา

แนวทางหลักคือ… “Under Promise & Over Deliver”สรุปให้เข้าใจง่ายๆ คือ “ให้สัญญาแบบไม่เวอร์ แต่ตอนส่งมอบให้ดีกว่าที่คาดเอาไว้”(ซึ่งวิธีการนี้ คือ การนำมาซึ่งความพึงพอใจของลูกค้าค่ะและถ้าลูกค้าพอใจแล้ว โอกาสที่จะซื้อซ้ำ บอกต่อ ก็จะเพิ่มขึ้นด้วยจ้า)

โดย Milke Michalowicz แนะนำวิธีการง่ายๆ 3เทคนิคเพิ่มยอดขาย ได้ลูกค้าชั้นดี คือ

1. เวลาส่งมอบงาน ให้เผื่อไป 10%

ในส่วนนี้ พี่เมริคิดว่าเอามาประยุกต์ใช้ทั้งในเรื่องการจัดส่งสินค้าได้เหมือนกันค่ะ เช่น รอบปกติที่คุณสามารถทำได้คือ..30 วัน ( 1 เดือน)ก็เผื่อเป็น 33 วัน ( เผื่อไป 10%) แน่นอนค่ะ ว่าคุณอาจจะรู้สึกแปลกๆ แหม ตัวเลขดูทะแท้งๆ มันอาจจะดูไม่เป็นกลมๆแต่ในแง่จิตวิทยา มันช่วยได้ค่ะ

เช่น คุณบอกลูกค้าว่า ส่งได้ภายในวันเดียวแต่ผลปรากฏว่า เวลาส่งจริงๆ ทำได้ใน 2 วัน คุณว่าลูกค้าจะหัวเสียมั๊ยคะ ?

แต่ในทางตรงข้าม ถ้าคุณบอกลูกค้าว่าจัดส่งได้ภายใน 3 วันแต่พอวันที่ 2 ลูกค้ากลับได้รับของแล้ว ลูกค้าคนไหนจะรู้สึกดีกับคุณกว่ากัน

คุณอาจจะแย้งว่า ทุกวันนี้ต้องรวดเร็ว ฉับไว บางที่ส่งวันเดียวถึง“ถ้าคุณทำได้แบบที่รับปาก นั่นดีมาก” (ก.​11 ล้านตัว แต่ถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ หรือทีมเล็กๆ ไหวมั๊ย ถามใจเธอดู)

ถ้าคุณคิดภาพไม่ออก ลองไปสั่งสินค้าดูนะคะ แล้วจับความรู้สึกตัวเองว่าร้านที่รับปากแล้วทำไม่ได้ กับร้านที่เขาทำได้เหนือกว่าที่คาดหวังไว้เรารู้สึกต่างกันยังไง(มีคนบอกว่าตัวเลขที่ไม่กลมๆ มันเหมือนกับว่ามีการคิดมาอย่างละเอียดแล้วค่ะ)

2. ให้ของแถมหรือมีของพิเศษ มอบให้ลูกค้าเพิ่มไปด้วย เพื่อให้เกิดอาการเหนือความคาดหมาย

ของแถม หรือ ของพิเศษ ไม่ได้หมายถึงต้องแพงเวอร์วังเสมอไปค่ะคึย์ของมันคือ “การทำให้เกิดความรู้สึกเซอร์ไพรส์ หรือ เกิดคาดหวังค่ะ”

เทคนิคการประยุกต์: ถ้าคุณได้มีโอกาสคุยกับลูกค้า คุณจะรู้ว่า..คนนี้ชอบสีอะไร หรือคุณสามารถติดแท็ก เพิ่มโน๊ต ทั้งในเฟสบุคเพจและใน LINE OA ได้

ลองเอาไปใช้ในการแจกของแถมหรือของพิเศษให้ลูกค้าซิ เช่น รายนี้เคยแถมชุดลองกลิ่นกุหลาบไปแล้ว รอบหน้าแถมเป็นครีมบำรุงมือเล็กๆหรือแถมสีที่ลูกค้าชอบ ก็ได้ เครื่องมือเหล่านี้ใช้ฟรีนะคะ แต่มือใหม่หลายคนไม่รู้ หรือกลับไม่เคยใช้ รู้แล้วอย่าเหยียบไว้ แต่เอาไปใช้ซะนะ!!

พี่เมริเคยเห็นค่ะ เจ้าของร้านบางคน แถมการ์ดเล็กๆ ไปให้ลูกค้าด้วย….เขียนด้วยลายมือ ลูกค้าฟีคแบล็คกลับมาว่า.. “ใส่ใจมาก เซอร์ไพร์สสุดๆ”

มือใหม่ ลูกค้าไม่เยอะ นี่ทำได้สบายๆ เลยค่ะ (เพราะคุณยังมีเวลาอยู่)แต่ถ้าคุณขายดีมากๆ คุณอาจใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป แถมเป็นกิฟท์เซทหรือสิ่งอื่นๆ ที่คุณทำได้ เป็นช่วงๆ ก็ได้ค่ะ (แต่อย่าเอาของใกล้จะเสียแถมไปนะ ไม่เวิร์คจ้า ถ้าจะแถมแบบนั้น ถามก่อนแถมนะจ๊ะ)

3. คือการให้บริการเหนือความคาดหมาย แบบสุ่ม (คาดเดาไม่ได้)

Key คือคำว่า “แบบสุ่ม”

พูดให้เห็นภาพง่ายๆ คือ อย่าทำจนลูกค้าเคยชิน และกลายเป็นเรื่องปกติ

พี่เมริ ยกตัวอย่างแบบนี้ค่ะ เวลาเราลงรูปในเฟสบุค แล้วเรามีอาการกดเข้าไปดูบ่อยๆ มั๊ยคะหลายคนเป็น เพราะ เราเดาไม่ได้ว่า รูปที่เราลงไป จะมีคนถูกใจเยอะมั๊ยคอมเม้นท์เยอะรึเปล่า ทำให้เราเลยต้องกดเข้าไปดูบ่อยๆค่ะ

กลับมาต่อที่เรื่องของเราอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ พี่เมริไม่ได้หมายความว่า…รอบนี้ทำดี รอบหน้าทำแย่ รอบนี้แพคอย่างนี้ รอบหน้าไม่ใส่กันกระแทกซะอย่างนั้น

มาตราฐาน พื้นฐานคุณต้องมีอยู่แล้วค่ะ แต่คำว่า เหนือความคาดหมายแบบสุ่ม

เช่น วันนี้เสริฟ์เมนูใหม่ น้ำอัญชัน ให้ลูกค้าที่มาที่ร้าน

พี่เมริเคยเห็นตัวอย่างของต่างๆประเทศที่เขาให้ลูกค้าSubscription อาหารน้องหมา สิ่งที่เขาเซอร์ไพร์สคือ บางเดือน ส่งของเล่นไปให้น้องหมาเพิ่มบางเดือน ส่งตารางเช็คสุขภาพน้องหมาไม่ได้ส่งให้ทุกเดือนนะคะ แต่ในการส่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ระบุไว้ในเงื่อนไขเลยสร้างเซอร์ไพรส์ให้เจ้าของน้องหมาสุดๆไปเลย

และในอนาคต หากคุณมีลูกค้าเพิ่มขึ้นฐานข้อมูลลูกค้า (โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ที่คุณทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนมากๆ)

อย่าลืมเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ด้วยนะคะ

“คุณอยากได้ลูกค้าแบบไหน

คุณต้องสร้างและคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทองของคุณให้ดี”

พูดง่ายๆ คือ บ่อยครั้งที่ลูกค้าคล้ายๆ กัน ประเภทเดียวกัน แวดวงเดียวกันจะดึงดูดกันและกัน (เอะนี่มันกฎแรงดึงดูดรึเปล่านะ)

เขาหรือเธอจะตัดสินใจจากกลุ่มคนที่คุณเซิร์ฟก่อนหน้าค่ะเช่น โอ้วว ร้านนี้มีแต่คุณหมอไปใช้บริการ เราก็เป็นคุณหมอตัดสินใจเลือกร้านนี้แล้วกัน

ถ้าคุณคัดเลือกคนเกรียน คุณก็จะได้พวกเกรียนเพิ่มขึ้น

ถ้าคุณคัดเลือกลูกค้าชั้นดี และบริการเขาอย่างดีลูกค้าชั้นดีก็มีโอกาสกลับมา บอกต่อ หรือแนะนำเพื่อนทีนี้คุณก็จะมีเวลา และมีเงินมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปปวดหัว กับกลุ่มเกรียนที่คุณไม่ต้องการ

ล่าสุดพี่เมริไปอ่านเจอบทความของ Jeff Bezosผู้ก่อตั้งและเจ้าของ Amazon Ecommerce เบอร์ต้นๆ ของโลก(แต่จำไม่ได้ว่าอ่านเจอที่ไหนค่ะ เลยไม่ได้ใส่เครดิตไว้ให้) Jeff Bezos บอกว่า…“เมื่อก่อนถ้าลูกค้าไม่แฮปปี้ เขาจะบอกคนอีก 5 คนแต่ตอนนี้เขาบอกได้ถึง 5,000 คน”

ได้ไอเดียนะคะ

#3เทคนิคเพิ่มยอดขาย

ได้ลูกค้าชั้นดีไม่พลาดสาระความรู้ดีๆ เรื่องการตลาดแบบง่ายๆด้วยเครื่องมือ ONLINE อย่างเฟสบุคเพจ LINE OAกดเห็นโพสต์ก่อนไว้เลยค่ะถ้ามีประโยชน์ “แชร์ต่อไปค่ะ”ให้เพื่อนๆ ที่ไม่รู้เรื่องนี้ให้เขาได้รู้ด้วยนะคะ

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

อยากลุยบนโลกออนไลน์จริงจังแล้ว เฟสบุค ก็ยังดี LINE OA ก็น่าลอง ตอนนี้ ควรลุยอะไรดีล่ะ

ไปดูคำตอบกันค่ะ

ติดตามพี่เมริเพิ่มเติมได้ที่ FB: https://www.facebook.com/MarketingMayri

Website: https://www.marketingmayri.com/

Line: @mayri หรือกดลิงค์นี้ได้เลยค่ะ https://lin.ee/X4Fs33w

#LineOA #การตลาดเข้าใจง่าย #เมริ #LineOAสำหรับธุรกิจ #Line #เริ่มต้นขายOnline #การตลาดออนไลน์ #เฟสบุค #เปิดเพจ

#ขายดีจนตอบแชทไม่ทัน รึว่า #ฉันไม่ได้อยู่หน้าจอตลอดเวลา

พี่เมริแนะนำตัวช่วย ดีต่อใจ และดีต่อกระเป๋าสตางค์เรา

นั่นคือ LINE OA

ปัญหาเรื่อง ตอบแชทไม่ทัน ไม่ได้อยู่หน้าจอตลอดเวลา

แก้ได้ด้วย : ข้อความตอบกลับอัตโนมัติ

มีทั้งแบบกำหนดคีย์เวิร์ดและไม่ได้กำหนดคีย์เวิร์ด หรือจะใช้แบบ AI +Chat ตอบเอง => smart chat ก็ได้ค่ะ

ปัญหาเรื่องตอบช้า พิมพ์ผิด ตอบไม่ได้มาตรฐาน

แก้ได้ด้วย : ข้อความตอบกลับไว Quick Response  เราสามารถตั้งล่วงหน้าได้ถึง 200 ข้อความ

อยากสร้างความประทับใจ

แก้ด้วย : การติดแท็ก เพิ่มโน๊ต รายละเอียดลูกค้าแต่ละคน เวลาที่เราแชทคุย  เราจะสามารถตอบกลับได้ดูพิเศษขึ้น ดูเอาใจใส่ลูกค้า และจดจำได้มากขึ้น

*พี่เมริแนะนำ สำหรับการคุยแชท LINE  กับคนที่ทักเข้ามา 

พยายามอย่างดูเป็นทางการจนเกินไปนะคะ  ตรงนี้ช่วยได้เยอะเลย ถ้ามีประโยชน์ก็ลองเอาไปปรับใช้กันนะคะ

#เมริ #การตลาดเข้าใจง่าย #ตอบแชทไม่ทัน #การตลาดออนไลน์ #LineOA #LineOAสำหรับธุรกิจ